พฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และอุตสาหกรรมภาพยนตร์ต้องเผชิญกับความท้าทายจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่หลากหลาย บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ชั้นนำของไทย กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการพลิกโฉมโรงภาพยนตร์ให้เป็น "เวทีคอนเสิร์ตระดับโลก"
สำหรับศิลปิน K-POP และ Global Artist ชั้นนำ กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่กระตุ้นยอดขายตั๋วให้พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังเป็นการบุกเบิกตลาดใหม่ด้วยการดึงกลุ่มเป้าหมาย "Music Goer" (คนเสพดนตรี) เข้าสู่โรงภาพยนตร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งแตกต่างจากกลุ่ม "Movie-Goer" (คนดูหนัง) อย่างชัดเจน
หัวใจสำคัญของความสำเร็จครั้งนี้คือกลยุทธ์ "Content Magnet" ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการนำเสนอ คอนเทนต์ดนตรีระดับโลกแบบ Exclusive ที่ "ไม่มีใครเหมือน และไม่มีใครแทนได้" ในโรงภาพยนตร์ประเทศไทย โดยเฉพาะคอนเสิร์ต K-POP และ Global Music Event ที่มักจะถ่ายทอดสดหรือจัดฉายพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งสร้างความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งในอีเว้นท์สำคัญระดับโลกให้กับแฟนๆ ชาวไทย
นี่ไม่ใช่แค่การฉายหนัง แต่เป็นการสร้างโอกาสให้แฟนคลับได้สัมผัสทุกความรู้สึกจากเวทีจริงอย่างใกล้ชิดกว่าที่เคย ด้วยความละเอียดของภาพ เสียง และบรรยากาศในโรงภาพยนตร์ที่ส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์ร่วมกัน พร้อมผลักดันศักยภาพของไทยสู่การเป็น "จุดหมายปลายทางของแฟนเพลงและแฟนคลับระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" โดยคอนเทนต์หลายรายการสามารถทำรายได้เป็น อันดับ 1 ในภูมิภาค
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Red Velvet Happiness Diary ที่ทำรายได้สูงสุดในภูมิภาคสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ สะท้อนถึงฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นและพร้อมสนับสนุนศิลปินของตน นอกจากนี้ การฉาย RIIZE <ODYSSEY> PREMIERE ที่มีเพียง 4 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น และไทย ที่ได้จัดฉายพร้อมกันนั้น เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ก็สามารถสร้างสถิติ "Biggest Box Office in Region" ได้เช่นกัน ความสำเร็จนี้ยังคงต่อเนื่องในการถ่ายทอดสด 2025 RIIZE CONCERT TOUR [RIIZING LOUD] IN CINEMAS ซึ่งทำรายได้สูงสุดในภูมิภาคจากการ Live streaming
การที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์สามารถนำเสนอคอนเทนต์ระดับโลกได้อย่างต่อเนื่องนั้น มาจากการมี เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งจากหลากหลายประเทศ ทั่วโลก ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดและค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศอังกฤษ ร่วมมือกับผู้จัดคอนเสิร์ตและศิลปินระดับโลกนำเสนอ Live concert content และ Global music acts
ประเทศเกาหลีใต้ กับการเป็นพันธมิตรหลักกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในวงการ K-POP เช่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ K-POP คุณภาพสูง นอกจากนี้ยังมี ประเทศฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ที่มีความร่วมมือในการรองรับการฉายพร้อมกับประเทศต้นทาง เพื่อให้แฟนๆ ในไทยได้สัมผัสประสบการณ์แบบเรียลไทม์ พร้อมเชื่อมต่อ Distribution Network ครอบคลุมทั่วภูมิภาค ทำให้เข้าถึงผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพในวงกว้าง
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไม่ได้พึ่งพาแค่คอนเทนต์ที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับ "ระบบการฉาย" พร้อมยกระดับประสบการณ์ด้วยระบบโรงภาพยนตร์พิเศษ สู่การเป็น "เวทีเสมือนจริง" ที่สร้างความแตกต่างแบบ Exclusive ระบบโรงภาพยนตร์พิเศษเหล่านี้ถูกเลือกใช้เพื่อให้เหมาะกับคอนเทนต์แต่ละประเภท โดยพิจารณาจากอารมณ์ของศิลปิน, ขนาดเวที, แสง สี เสียง และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับชมให้เหนือกว่าที่เคย โดยมี IMAX เหมาะสำหรับคอนเสิร์ตระดับสเกลใหญ่ เช่น IU CONCERT: THE WINNING ที่ต้องการความคมชัดสูงสุด ภาพขนาดใหญ่เต็มตา และเสียงที่ทรงพลัง เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตจริง
4DX เทคโนโลยีที่จำลองความรู้สึกของการอยู่ในคอนเสิร์ตแบบ immersive ด้วยเก้าอี้ที่เคลื่อนไหวตามจังหวะ รวมถึงเอฟเฟกต์พิเศษ เช่น ลม, ควัน, หรือกลิ่น ซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงและเร้าใจในการรับชม Screen X การฉายภาพแบบรอบทิศทาง 270 องศา ที่ขยายภาพจากจอหลักไปยังผนังด้านข้างของโรงภาพยนตร์ ทำให้แฟนคลับรู้สึก "อยู่ในเหตุการณ์" ถูกโอบล้อมด้วยภาพและเสียงเสมือนอยู่ในฮอลล์คอนเสิร์ตจริง และ LASER Projection System ด้วยจอเลเซอร์กว่า 300 จอทั่วประเทศไทย มอบภาพที่คมชัดสมจริง สีสันสดใส และความสว่างที่สม่ำเสมอ ช่วยให้ทุกรายละเอียดของคอนเสิร์ตถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ไม่ได้แค่ขายตั๋ว แต่กำลังสร้างปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมใหม่ในอุตสาหกรรมบันเทิง ด้วยการดึงดูด "กลุ่มฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นของศิลปิน" ให้มารวมตัวกันที่โรงภาพยนตร์ สิ่งนี้ก่อให้เกิดการสร้าง "คอมมูนิตี้ใหม่" ที่น่าจับตามองในยุคปัจจุบัน ความน่าดูของคอนเทนต์แต่ละเรื่อง และฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งของศิลปิน มีอิทธิพลอย่างมากในการผลักดันให้โรงภาพยนตร์กลายเป็นแหล่งรวมตัวของ Music Goer ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจาก Movie-Goer แบบดั้งเดิม ศิลปินแต่ละคนมีส่วนสำคัญในการดึงดูดแฟนคลับที่พร้อมจะสนับสนุนและติดตามทุกคอนเทนต์ในทุกช่องทาง ซึ่งก่อให้เกิด "วัฒนธรรมแบบปรากฏการณ์ใหม่" และยังเป็นการเสริมต่อยอดการทำ “Fandom Marketing” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน เหล่าแฟนคลับ (fandom) ต่างพากันมารวมตัวกันที่โรงภาพยนตร์ และมีการ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Major Cineplex เพื่อคอยติดตามข่าวสารและคอนเทนต์ของศิลปินที่ชื่นชอบ ถือเป็นการสร้าง "Community ใหม่" ที่น่าจับตามอง และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของกลุ่มแฟนด้อมในการขับเคลื่อนธุรกิจ
การรุกเข้าสู่ตลาดคอนเทนต์เพลงของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวทางธุรกิจอย่างชาญฉลาดในภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน การลงทุนในกลุ่ม Music Content ถือเป็นการ สร้างรายได้เสริมที่สำคัญ นอกเหนือจากการฉายภาพยนตร์กระแสหลัก ช่วยลดความผันผวนของรายได้ที่อาจเกิดขึ้นจากจำนวนภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เข้าฉาย
การที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์สามารถดึงดูดกลุ่ม Music Goer ที่มีกำลังซื้อและ Brand Loyalty สูง ถือเป็น แหล่งรายได้ใหม่ที่มีศักยภาพ ไม่เพียงแต่จากยอดขายตั๋วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสในการเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการอื่นๆ ภายในโรงภาพยนตร์ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าที่ระลึกของศิลปิน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมรายได้ของบริษัท
รวมทั้งการเป็น "Biggest Box Office in the Region" สำหรับคอนเทนต์เพลงบางรายการยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็น "ฮับ" สำหรับอีเว้นท์บันเทิงระดับโลก ซึ่งจะดึงดูดการลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เข้ามาในประเทศอีกด้วย