พฤติกรรมคนเปลี่ยน หันเข้าครัวเพิ่ม "ฟ้าไทย" โตทะลุ 13% สวนศก.ซบ

22 ก.ค. 2568 | 05:40 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ค. 2568 | 05:49 น.

ฟ้าไทย แบรนด์เครื่องปรุงรส เผยยอดขายปี 2567 ทะลุ 2,600 ล้านบาท เติบโตสองหลัก 13% แม้เศรษฐกิจซบเซา พร้อมลุยลงทุนขยายกำลังผลิตโรงงานนครปฐมรองรับการเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าปีนี้โตอีก 15% ย้ำตลาดในประเทศยังเป็นฐานหลัก ขณะที่ตลาดต่างประเทศมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะยุโรปและอาเซียน แม้กังวลภาษีสหรัฐฯ ที่กระทบผู้ส่งออกไทย

นางสาวบุษบา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอฟ-พลัส จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์ "ฟ้าไทย" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงภาพรวมธุรกิจในปีที่ผ่านมาว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะซบเซา แต่ยอดขายของฟ้าไทยกลับไม่ได้รับผลกระทบ และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2567 ที่ผ่านมาฟ้าไทยสามารถปิดยอดขายได้สูงถึงประมาณ 2,600 กว่าล้านบาท คิดเป็นการเติบโตในอัตราร้อยละสองหลัก หรือประมาณ 13% นางสาวบุษบาชี้ว่าปัจจัยสำคัญมาจากสถานะของสินค้าที่เป็น "สินค้าจำเป็นพื้นฐาน" ในการประกอบอาหาร ทำให้มีความต้องการอย่างต่อเนื่องจากทั้งกลุ่มผู้ประกอบการและครัวเรือน

พฤติกรรมคนเปลี่ยน หันเข้าครัวเพิ่ม "ฟ้าไทย" โตทะลุ 13% สวนศก.ซบ

ทั้งนี้ตลาดรวมเครื่องปรุงรสในประเทศไทยมีขนาดประมาณ 4,000 - 5,000 ล้านบาท และมีการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 3-5% อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงเสถียรภาพและความสำคัญของสินค้ากลุ่มนี้ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟ้าไทยสามารถเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจได้

"สินค้าของเราเป็นสินค้าจำเป็นในการทำครัว ยิ่งช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ คนทำอาหารทานที่บ้านมากขึ้น ยิ่งช่วยประหยัดได้"

สินค้าเรือธงของฟ้าไทยยังคงเป็นกลุ่มผงปรุงรส ไม่ว่าจะเป็นรสหมู ไก่ และเห็ดหอม รวมถึงผงทำซุปน้ำใสและน้ำข้น นอกจากนี้ กลุ่มน้ำก๋วยเตี๋ยวสำเร็จรูปยังเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่เติบโตดี โดยมีการพัฒนาหลากหลายรสชาติออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเป้าหมายในปี 2568 ฟ้าไทยตั้งเป้าเติบโตอีกประมาณ 15% หรืออยู่ในอัตราร้อยละสองหลักต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่ายอดขายจะเข้าใกล้ 3,000 ล้านบาท

ตลาดในประเทศครองสัดส่วนหลัก ส่งออกเติบโตสูง

ปัจจุบัน ยอดขายของฟ้าไทยมาจากตลาดในประเทศประมาณ 90% และส่งออกต่างประเทศประมาณ 10% แม้สัดส่วนการส่งออกจะน้อยกว่า แต่คุณบุษบาชี้ว่าแนวโน้มการเติบโตของตลาดต่างประเทศสูงมาก เนื่องจากสินค้าไทยเป็นที่นิยมในหลายภูมิภาค ทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกา

อย่างไรก็ตาม นางสาวบุษบา แสดงความกังวลต่อประเด็นภาษีนำเข้า 36% ที่อาจถูกเรียกเก็บจากสหรัฐอเมริกา แม้สัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ จะยังไม่สูงมากนัก ประมาณ 10% ของยอดส่งออกทั้งหมด แต่หากมาตรการภาษีมีผลบังคับใช้ ก็จะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากจะทำให้สินค้าไทยมีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคอย่างเวียดนาม จีน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งอาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง

พฤติกรรมคนเปลี่ยน หันเข้าครัวเพิ่ม "ฟ้าไทย" โตทะลุ 13% สวนศก.ซบ

สำหรับตลาดส่งออกหลัก 3 อันดับแรกของ ฟ้าไทยนอกจากสหรัฐฯ แล้ว ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ ลาว กัมพูชา เมียนมา รวมถึงเกาหลีและจีน และยุโรป โดยกัมพูชามีสัดส่วนกว่า 10%ของการส่งออกทั้งหมด

ขยายกำลังผลิตรองรับอนาคต-รับมือความท้าทาย

เพื่อรองรับการเติบโตที่ต่อเนื่อง ฟ้าไทยได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตที่โรงงานในจังหวัดนครปฐม โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน โครงการขยายครั้งนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกประมาณ 2 เท่าจากปัจจุบัน สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของตลาด

นอกจากนี้ฟ้าไทยยังมีการขยายทีมงานและกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าใหม่ๆ อย่าง "ฮอตพอต" (Hot Pot) ที่เป็นซุปชาบู-สุกี้สำเร็จรูป ซึ่งได้รับผลตอบรับดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันมี 7 รสชาติ เช่น ชาบูน้ําดํา แจ่วฮ้อน และหมาล่า

เมื่อถามถึงประเด็นภาษีความเค็มที่กำลังมีการพูดคุย นางสาวบุษบายอมรับว่าอยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบ เนื่องจากสินค้าของ ฟ้าไทยเป็นเครื่องปรุงรส ซึ่งการบริโภคขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานของผู้บริโภค ไม่ได้บริโภคโดยตรงทั้งหมด จึงต้องพิจารณาในรายละเอียด

แม้จะมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและมาตรการภาษี ฟ้าไทยยังคงมองว่าโอกาสในการเติบโตยังสูง โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ เช่น ยุโรป และกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างมาเลเซีย เวียดนาม ที่ประชากรมีการยอมรับและคุ้นเคยกับสินค้าไทย ซึ่ง ฟ้าไทยจะยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์กระจายตลาด เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป