พลัง “คนโสด” นักช้อปตัวยง เปย์หนักเพราะรักตัวเอง พฤติกรรม Solo Economy

30 มิ.ย. 2568 | 09:10 น.
อัปเดตล่าสุด :30 มิ.ย. 2568 | 09:11 น.

เจาะลึก เทรนด์ Solo Economy “คนโสด” กลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูงและโตแรงกว่า กับปรากฏการณ์ “Self Splurge – เปย์หนักเพราะรักตัวเอง” พร้อมจ่ายลักชัวรี เพื่อภาพลักษณ์ สุขภาพ

The 1 Insight เผยบทวิเคราะห์ Solo Economy ชี้ “คนโสด” คือกลุ่มผู้บริโภคที่ทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ พร้อมด้วยกำลังซื้อสูงและอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดภาพรวมอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันครองสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของการใช้จ่ายรวม พร้อมปรากฏการณ์ “Self Splurge – เปย์หนักเพราะรักตัวเอง”

โดดเด่นในกลุ่มการใช้จ่ายเพื่อภาพลักษณ์ เสริมสุขภาพ ทานอาหารนอกบ้าน และสินค้า Luxury ทั้งยังพร้อมจ่ายหนักเพื่อประสบการณ์และกิจกรรมยามว่าง สะท้อนเทรนด์พลังคนโสดที่กำลังยกระดับการใช้ชีวิตส่วนบุคคล พร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ให้เศรษฐกิจเมืองและเป็นโอกาสทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (SES) โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2566 ระบุว่า คนไทยถึง 25% อยู่ในสถานะโสด โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตเมือง และ กรุงเทพฯ มีสัดส่วนคนโสดสูงถึง 50% ของประชากรในพื้นที่ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ในประเทศในแง่ประชากรภาพรวม 75% ของคนโสดในไทยเป็นเพศหญิง

พลัง “คนโสด” นักช้อปตัวยง เปย์หนักเพราะรักตัวเอง พฤติกรรม Solo Economy

ขณะที่สัดส่วนของคนโสดยิ่งสูงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะช่วงอายุ 25–34 ปี (30%), 35–44 ปี (25%) และลดลงในช่วง 45–54 ปี (20%) สะท้อนแนวโน้มที่ชัดเจนว่า ยิ่งอายุน้อยลง สัดส่วนคนโสดยิ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของค่านิยมใหม่ในการใช้ชีวิต ที่เปลี่ยนไปจากกรอบครอบครัวแบบเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ The 1 Insight เจาะลึกการใช้จ่ายของคนโสด ที่กำลังเลือกใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ให้คุณค่ากับการดูแลตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมาเติมเต็ม โดยพบว่าคนโสดมียอดใช้จ่ายเติบโตสูงกว่าตลาดภาพรวมอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันการใช้จ่ายของผู้บริโภคกลุ่ม “คนโสด” คิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของตลาดภาพรวมแล้ว แสดงให้เห็นว่า Solo Economy (เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยคนโสด) ไม่เพียงแค่มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว แต่ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

สิ่งที่แตกต่างชัดเจนระหว่างกลุ่มคนโสดและคนมีครอบครัวคือ “วัตถุประสงค์ในการใช้จ่าย” โดยคนโสดมักใช้จ่าย “เพื่อตัวเอง” เป็นหลัก จึงสามารถใช้จ่ายเพื่อความต้องการเฉพาะตน ขณะที่กลุ่มครอบครัวมีการใช้จ่ายกว่าครึ่งเพื่อครอบครัว โดยเฉพาะของใช้จำเป็น จึงไม่น่าแปลกใจที่คนโสดใช้จ่ายเพื่อภาพลักษณ์ในหมวด Fashion & Beauty มากถึง 30% จากการใช้จ่ายทั้งหมด 

ชื่นชอบสินค้าหมวด Sport 3 มากกว่าเท่า แสดงถึงความใส่ใจการดูแลสุขภาพ นิยมทานอาหารนอกบ้าน หมวด Dining มากกว่า 3 เท่า ทั้งยังสนใจและพร้อมจ่ายกับสินค้า Luxury มากกว่า 2 เท่า ทั้งหมดนี้ ล้วนสะท้อนถึงความตั้งใจของคนโสดในการ “ลงทุนกับตัวเอง” อย่างจริงจัง ทั้งในแง่ของการพัฒนาคุณภาพชีวิต การแสดงออกถึงตัวตน และการให้รางวัลกับตัวเอง

ข้อมูลของ The 1 Insight ยังพบว่าคนโสดพร้อมจ่ายหนักเพื่อประสบการณ์และกิจกรรมยามว่าง ซึ่งการใช้จ่ายต่อคนเป็น 2 เท่า เทียบกับคนมีครอบครัว อาทิ ของสะสม ใช้จ่ายเพื่อเรียนเสริมทักษะด้านภาษา เวิร์กช็อปยามว่าง เช่น ทำอาหาร จัดดอกไม้ หรือเวิร์กช็อปงานดีไซน์ต่างๆ รวมถึงยังโดดเด่นในใช้จ่ายกับ Fitness Center และ Wellness Center ไปจนถึง บัตรคอนเสิร์ตและการเดินทางท่องเที่ยว

พลัง “คนโสด” นักช้อปตัวยง เปย์หนักเพราะรักตัวเอง พฤติกรรม Solo Economy

หากเปรียบเทียบระหว่าง “คนโสดในเมือง” และ “คนโสดในต่างจังหวัด” จะพบความแตกต่างด้านพฤติกรรมการใช้จ่ายในบางแง่มุม โดยเฉพาะในเรื่องลำดับความสำคัญของหมวดสินค้า แม้คนโสดในเมืองจะมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่าราว 1.2 เท่า และเน้นในกลุ่ม Beauty & Premium Lifestyle

ขณะที่คนโสดในต่างจังหวัดมีแนวโน้มใช้จ่ายในหมวด Home & Appliance มากกว่า เช่น อุปกรณ์ก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ในครัวเรือน ซึ่งสะท้อนบริบทการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน

3 หมวดสินค้ามาแรงครองใจคนโสด

  • หมวด Beauty โดยใช้จ่ายมากกว่าถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มคนมีครอบครัว โดยนอกจากจะเลือกใช้สินค้าแบรนด์บิวตี้ เช่น เซรั่ม มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ครีมกันแดด และผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มอย่าง Anti-Aging หรือ Brightening ยังนิยมเข้าคลินิกเสริมความงาม ทำหัตถการความงามต่างๆ
  • หมวด Fashion คนโสดใช้จ่ายมากกว่าถึง 3 เท่า โดยลงทุนกับทั้งแบรนด์แฟชั่นระดับลักชัวรี เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า และนาฬิกา และแบรนด์แมสพรีเมียมที่เน้นคุณภาพและดีไซน์ที่สื่อถึงตัวตน ไม่ว่าจะเป็นสไตล์มินิมัล เรียบหรู หรือแฟชั่นสายครีเอทีฟ สะท้อนแนวคิดที่ว่า “การดูแลภาพลักษณ์ไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย แต่คือการลงทุน”
  • หมวด Home Decoration กลับพบว่า คนโสดยังมีแนวโน้มใช้จ่ายมากกว่าคนมีครอบครัวถึง 4.5 เท่า ทั้งนี้เพราะค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการจัดการพื้นที่อยู่อาศัยตกเป็นภาระของคนคนเดียว ต่างจากคนมีครอบครัวที่มักแบ่งภาระร่วมกันกับคู่ชีวิตหรือสมาชิกในครอบครัวใหญ่ กล่าวคือ คนโสดไม่มี “ตัวหาร” ตั้งแต่งานก่อสร้างไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้จิปาถะในบ้าน ล้วนต้องจ่ายด้วยตนเองทั้งหมด

ขณะเดียวกัน พวกเขายังมีอิสระในการเลือกซื้อสินค้าที่ตอบโจทย์รสนิยมของตนเองโดยไม่ต้องประนีประนอมกับใคร ทำให้กล้าลงทุนกับของตกแต่งดีไซน์เฉพาะตัว หรือสินค้าคุณภาพสูงที่สะท้อนไลฟ์สไตล์และความเป็นตัวตนอย่างแท้จริง

สิ่งนี้สะท้อนว่า คนโสดในเมืองคือกลุ่มผู้บริโภคที่ “พร้อมจ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตของตัวเอง” พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีครอบครัวเพื่อแสดงสถานะหรือเป้าหมาย แต่ใช้เงินอย่างตั้งใจเพื่อเติมเต็มความพึงพอใจในชีวิตประจำวัน ด้วยพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจง มีเหตุผล และเต็มไปด้วยแรงผลักดันจากภายใน

ธุรกิจที่เข้าใจกลุ่มนี้และสามารถออกแบบสินค้า บริการ หรือประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับแนวคิด “ดูแลตัวเองในทุกมิติ” ได้อย่างแม่นยำ จะกลายเป็นผู้ชนะในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจของคนโสดอย่างแท้จริง