สถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารไทยในปัจจุบันอยู่ในภาวะวิกฤตหนัก ทั้งในกลุ่มร้านอาหารรถเข็น ห้องแถว สตรีทฟู้ด จนถึงร้านลักชัวรี ไฟน์ไดนิ่ง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะมากระตุ้นกำลังซื้อ หรือสร้างความเชื่อมั่น ปลุกให้ผู้บริโภคออกมาใช้จ่ายเงิน แนวโน้มที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้ให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวเพื่อพยุงธุรกิจให้อยู่รอด
นายสุภัค หมื่นนิกร ผู้ก่อตั้งสถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร (Food Franchise Institute : FFI) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีซี่ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล แฟรนไชส์ จำกัด ผู้บริหารร้านแฮมเบอร์เกอร์ “Siam Steak” และไส้กรอกพรีเมี่ยม “อีซี่ส์” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ปีนี้แย่ลงอย่างมาก โดยตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ธุรกิจต่างๆ ได้รับผลกระทบอย่างหนักและยังไม่ฟื้นตัว
โดยเฉพาะในระดับโลกที่มีปัญหาสงครามในหลายพื้นที่ รวมทั้งสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจ รวมถึงปัญหาการค้ากับสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่หากไม่มีการเจรจาอาจทำให้การส่งออกลดลงและทำให้ผู้คนตกงาน
การปิดตัวของหลายแบรนด์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ รวมทั้งการลดพนักงานในหลายบริษัท แม้แต่กลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ ก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากเศรษฐกิจได้ ขณะเดียวกัน ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ซึ่งปกติจะเป็นช่วงที่ธุรกิจสามารถทำยอดขายได้สูงสุด กลับเงียบเหงาเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยํ่าแย่
ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารยังคงไม่น่าจะดีขึ้นเท่าไร เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ยอดขายของธุรกิจร้านอาหารมักจะตกตํ่าที่สุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความอ่อนแอ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 และ 4 ที่ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปี
“แผนการปรับกลยุทธ์ของธุรกิจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยยอมรับว่าผลกระทบจากเศรษฐกิจตกตํ่าทำให้หลายธุรกิจเผชิญกับความท้าทาย แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับผู้ที่ปรับตัวได้ดี ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องมี “mindset” ที่ดี เพื่อคิดหาวิธีการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจ รวมถึงการศึกษาและวิจัยแนวทางต่าง ๆ เพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ”
ส่วนกลยุทธ์ในการปรับปรุงธุรกิจร้านอาหารให้ดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี แนะนำว่าธุรกิจต้องพัฒนาและปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง โดยใช้เทคโนโลยีและวิธีการที่ทันสมัยในการบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
ธุรกิจต้องทำให้เหนือกว่าค่าเฉลี่ย (above average) เช่น หากคู่แข่งมีการลดแลกแจกแถม ก็ต้องคิดหากลยุทธ์ที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ดีกว่า โดยการหาข้อมูลจากสื่อออนไลน์ เช่น TikTok, Facebook เพื่อวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตลาด
ในกรณีของร้านอาหาร การเพิ่มการจับจ่ายของลูกค้าเป็นกลยุทธ์สำคัญ เช่น การเพิ่มเมนูพิเศษหรือปรับปรุงเมนูเดิมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้การเพิ่มจำนวนลูกค้าในร้านก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยการโปรโมทให้ลูกค้ากลับมาซื้อซํ้า เช่น การใช้ระบบ CRM หรือ Line Official เพื่อสร้างการติดต่อและกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซํ้า
ด้านนายธิติฏฐ์ ทัศนาขจร หรือเชฟต้น เจ้าของร้านอาหารมากกว่า 15 แบรนด์ 25 สาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงในวงการธุรกิจร้านอาหารไทยในปัจจุบันว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในร้านอาหารระดับหรูเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบไปถึงร้านอาหารระดับรากหญ้าทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเศรษฐกิจที่ตกตํ่าและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้บริโภคหันไปลดการใช้จ่าย
“ร้านอาหารไม่ใช่ปัจจัยสี่ และผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น การจับจ่ายใช้สอยลดลง เงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจน้อยลง โดยยอมรับว่ากำลังซื้อในกลุ่ม High-End ได้หดตัวอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซันที่เคยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรและบริษัทต่างๆ ในการจัดเลี้ยงและสังสรรค์ ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปกว่า 70% ทำให้การใช้จ่ายในภาคธุรกิจร้านอาหารซึ่งเคยได้รับประโยชน์จากกลุ่มนี้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ”
แม้ร้านอาหารในเครือจะยังสามารถดำเนินการต่อได้ แต่รายได้ของร้านในเครือของเขาลดลงกว่า 50% ซึ่งถือเป็นผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เกิดสถานการณ์วิกฤตนี้ และมองว่าหากปีนี้ร้านอาหารไม่ขาดทุนก็ถือว่าเป็นความสำเร็จ
“ร้านไฟน์ไดนิ่งที่มีราคาขาย 5,000 - 10,000 บาทต่อมื้อ จะต้องมีฐานลูกค้าประจำและสายป่านที่ยาวพอสมควรถึงจะอยู่รอดได้ แต่ร้านที่สายป่านไม่ยาวเท่าเตรียมร่วงภายใน 5 ปีนี้แน่นอน ซึ่งคาดว่าจะมีร้านไฟน์ไดนิ่งอยู่รอดในตลาดไม่ถึง 50% ส่วนร้านอาหารในเครือของเรามีรายได้ลดลงกว่า 50% ถือว่ามากที่สุด ปีนี้จึงไม่ได้หวังกำไร ขอแค่ไม่ขาดทุนผมก็ฉลองแล้ว”
เชฟต้น ยังบอกต่อว่า สถานการณ์ “เผาจริง” สำหรับธุรกิจร้านอาหารคาดว่าจะดำเนินต่อไปจนถึงเดือนก.ย. แม้กำลังซื้อจะดีกว่าช่วงโควิด แต่ตอนนี้ไม่สมดุลกับต้นทุนและรายจ่าย เดือนพ.ค. ไม่ใช่เดือนที่แย่ที่สุด ช่วงที่แย่ของร้านคือ ก.ค. แต่ตอนนี้เผาจริงคือช่วงนี้จนถึงก.ย.
“ในภาวะที่ทุกอย่างไม่แน่นอน การทำธุรกิจในยุคนี้จะต้อง “ลีน” ลดภาระที่ไม่จำเป็น และต้อง “ปรับพอร์ต” การลงทุนอย่างรอบคอบ หากธุรกิจไม่สามารถทำกำไรได้ในช่วงนี้ การปรับกลยุทธ์เพื่อลดต้นทุนและอยู่รอดก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อยากเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศอย่างจริงจัง เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านแคมเปญ “สวัสดีหนีห่าว” ที่หวังให้คนจีนกลับมาเที่ยวไทยเหมือนเดิม รวมถึงการสนับสนุนโครงการช่วยเหลือเศรษฐกิจในระดับที่เห็นผลชัดเจนเพื่อให้เกิดการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน”
ขณะที่นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ปีนี้มีร้านอาหารจำนวนมากที่ต้องปิดตัวลง ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าชี้ให้เห็นว่าร้านอาหารยังคงติดอันดับ 3 ของธุรกิจที่ปิดตัวสูงที่สุดรองจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ขณะที่ในไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะเกิดการปิดตัวของร้านอาหารในหลายพื้นที่ และจะทวีความรุนแรงขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว
ในขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารยอมรับว่าภาครัฐต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้ หากยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจน ร้านอาหาร SME ที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจไทยอาจจะต้องเผชิญกับการปิดตัวจำนวนมาก การขาดการสนับสนุนจากภาครัฐจะทำให้ปัญหาเศรษฐกิจร้านอาหารขยายวงกว้างและทำให้ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยากจะผ่านพ้น
การปรับกลยุทธ์และการปรับตัวของธุรกิจร้านอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จำเป็นต้องทำให้ได้ การใช้เทคโนโลยีและการปรับราคาให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในแนวทางที่สามารถช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ทันที ข้อเสนอจากภาครัฐในการช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อการฟื้นฟูธุรกิจร้านอาหารในไทย
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,107 วันที่ 22 - 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568