เจาะลึก “ค้าปลีก” ลดฮวบทุกภาค กทม.ปริมณฑลและภาคกลางหนักสุด

14 มิ.ย. 2568 | 05:50 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มิ.ย. 2568 | 05:53 น.

ค้าปลีกทั่วไทยอ่วม! ทุกภูมิภาคกำลังซื้อซบ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลางหนักสุด ตามด้วยอีสาน ใต้ และเหนือ ปัจจัยหลักจากการเมือง และการบริหารที่ไร้ทิศทาง ฉุดความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ ประชาชน

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการค้าปลีก (Retail Sentiment Index: RSI) ในเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งพบว่า ลดลง 9.7 จุดจากเดือนเมษายน 2568 โดยปรับลดลงในทุกองค์ประกอบ เช่น ยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จ และความถี่ในการใช้บริการ รวมถึงลดลงในทุกภูมิภาคและประเภทของร้านค้า ยกเว้นห้างสรรพสินค้าและร้านแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนี RSI ลดลงมาจากปัจจัยการเมืองที่ส่อเค้าความรุนแรง โดยรัฐบาลยังไม่มีแนวทางชัดเจนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งที่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมูลค่า 1.57 แสนล้านบาทที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งงบประมาณนี้ถูกตั้งใจจะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ประสบปัญหาความไม่พร้อมของระบบ

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเดือนพฤษภาคมและเมษายน 2568 พบว่า ยอดใช้จ่ายและความถี่ในการจับจ่ายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง Back To School ที่ไม่ได้ช่วยเพิ่มการจับจ่ายในตลาด ทั้งยังสะท้อนถึงความระมัดระวังของผู้บริโภค

เจาะลึก “ค้าปลีก” ลดฮวบทุกภาค กทม.ปริมณฑลและภาคกลางหนักสุด

การบริหารประเทศไร้ทิศทางฉุดความเชื่อมั่นร่วง

ส่วนในภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นก็ปรับลดลงทุกภูมิภาค และอยู่ต่ำกว่าเส้นค่ากลาง 50 จุด ขณะที่ดัชนี RSI ระยะ 3 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงถึง 8.4 จุด ส่งผลให้ผู้ประกอบการรู้สึกกังวลกับการบริหารประเทศที่ไม่มีทิศทางที่ชัดเจนท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง

เมื่อพิจารณาถึงดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิมแยกตามภูมิภาค จะพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงทุกภูมิภาคและลงมาอยู่ตํ่ากว่าเส้นระดับค่ากลางที่ 50 จุดทุกภูมิภาคเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กรุงเทพและปริมณฑล (มูลค่า GPP ค้าปลีกค้าส่งและบริการมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 43 ของมูลค่า GPP ค้าปลีกค้าส่งและบริการทั้งประเทศ กรุงเทพปริมณฑลจึงมีความหลากหลายทั้งในกลุ่มผู้บริโภค และ ประเภทร้านค้าและบริการ)

หรือภาคกลาง (ซึ่งประกอบด้วยภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก เป็นภูมิภาคที่มีรายได้หลัก 3 แหล่ง ทั้งจากนิคมอุตสาหกรรม ผลผลิตทางการเกษตร และการท่องเที่ยว)

 

กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง ลดลงมากสุด

ดัชนีความเชื่อมั่นกรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคกลางเดือนพฤษภาคม 2568 ลดลงชัดเจนเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2568 และยังคงอยู่ตํ่ากว่าระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 จุด ขณะเดียวกัน ดัชนีกรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคกลางลดลงมากกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ

เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ปัจจัยที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดลงมาก เป็นการลดลงจาก ความถี่ในการจับจ่าย Frequency of Shopping ที่ลดลง (มากกว่า 5%)และ ในขณะที่ การจับจ่าย Shopping per Basket ก็ลดลงเล็กน้อย (น้อยกว่า 5%)

 

สะท้อนให้เห็นว่า การสัญจรในกรุงเทพฯ ค่อนข้างเบาบางลง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง อีกทั้งช่วง Back To School ผู้บริโภคระมัดระวังในการจับจ่าย ส่งผลให้ยอดขายลดลง

สิ่งที่น่าสนใจจากข้อมูลระบุว่าร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ทั้งประเภทห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต และภัตตาคาร กลับมียอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งการเพิ่มขึ้นเป็นการส่งเสริมการขายอย่างหนักของร้านค้าเอง ในขณะที่ ร้านค้าขนาดกลางและเล็กมียอดขายที่ลดลง

ฝุ่น PM - สงกรานต์ ปัจจัยกระทบนักช้อปภาคเหนือ

ภาคเหนือ : ภาคเหนือตอนบนที่มีรายได้หลักจากด้านการท่องเที่ยว และบริเวณภาคเหนือตอนล่างที่มีภาคเกษตรเป็นรายได้หลัก

เป็นภูมิภาคเดียวที่ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ เมื่อพิจารณาในรายละเอียด ร้านค้าประเภทห้างสรรพสินค้า ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และซูเปอร์มาร์เก็ต ยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเพิ่มจาก การจับจ่าย Shopping per Basket เล็กน้อย ในขณะที่ ความถี่ในการจับจ่าย Frequency of Shopping ทรงตัว

ส่วนร้านค้าประเภท ภัตตาคาร-ร้านอาหาร ร้านค้าจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ยอดขายลดลง โดยส่วนใหญ่เป็นการลดลงจากความถี่ในการจับจ่าย Frequency of Shopping (มากกว่า 5%) ในขณะที่การจับจ่าย Shopping per Basket ลดลงเล็กน้อย (น้อยกว่า 5%)

สะท้อนถึงทางภาคเหนือยังพอมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติอยู่บ้าง ทั้งนี้เป็นปีที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ตํ่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ประชาชนไปเที่ยวภาคเหนือเพิ่มขึ้น แต่ในขณะที่ Shopping Per Basket ยอดซื้อเฉลี่ยต่อใบเสร็จทรงตัว สะท้อนให้เห็นถึง ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการจับจ่าย แม้ว่าจะเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ตาม

 

อีสาน กำลังซื้ออ่อนแอ ลดช้อปชิ้งทุกหมวดสินค้า

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : เป็นภูมิภาคที่มีประชากรรวมกันมากกว่าหนึ่งในสามของประเทศ รายได้ส่วนใหญ่อยู่ภาคเกษตรกรรมและภาคการค้า

เป็นภูมิภาคที่ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ การลดลงเป็นการลดลงจาก Frequency of Shopping (มากกว่า 5%) ในขณะที่ Shopping Per Basket ลดลง(มากกว่า 5%) เช่นกัน สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการจับจ่าย การลดลงจากความถี่ในการจับจ่าย Frequency of Shopping

เป็นการลดลงมากในร้านค้าประเภทประเภทร้านค้าจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารเป็นหลัก ส่วน ร้านค้าประเภท ห้างสรรพสินค้า แฟชั่นไลฟ์สไตล์ ภัตตาคาร ร้านอาหาร และร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สื่อสาร ทรงตัว

 

โลว์ซีซัน ฉุดกำลังซื้อแดนใต้ซบ

ภาคใต้  : เป็นภูมิภาคที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก รองลงเป็นก็เป็นพืชเศรษฐกิจสองชนิดคือ ยางพาราและปาล์ม

เป็นภูมิภาคที่มีการท่องเที่ยวเป็นหลักเช่นเดียวกับภาคเหนือ แต่ดัชนีความเชื่อมั่นกลับลดลงมากกว่าภาคเหนือ การลดลงของดัชนีความเชื่อมั่น เป็นการลดลงของ Frequency of shopping (มากกว่า 5%) ซึ่งสะท้อนถึงจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ลดลง

ซึ่งเป็นผลจาก ช่วงนี้เป็นช่วง low season ของภาคใต้ และเป็นช่วงฝนตกชุกของฝั่งอันดามัน ในขณะที่ ยอดซื้อต่อใบเสร็จ Shopping Per Basket ลดลง สะท้อนถึง กำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวและยังระมัดระวังในการจับจ่าย

การลดลงของดัชนี มาจากร้านค้าเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ภัตตาคาร-ร้านอาหาร ร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ทรงตัว