สพ.ญ. ทัศวรินทร์ กาญจนฉายา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ กล่าวว่า ในปี 2568 ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยมีมูลค่า 75,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 59% อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food)
31% อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet Accessories) 9% การดูแลรักษาสุขภาพสัตว์เลี้ยง (Pet Medical Care) และ 1% การดูแลสัตว์เลี้ยงอื่นๆ (Other Pet Care)
ปัจจุบันเทรนด์การเลี้ยงสัตว์มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยกลุ่มแมวเติบโตขึ้นกว่ากลุ่มสุนัขถึง 15% ขณะที่กลุ่มสุนัขเริ่มคงที่ การที่กลุ่มแมวเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากผู้คนเน้นอยู่คอนโดมีขนาดพื้นที่ใช้สอยเล็ก ทำให้การเลี้ยงแมวสะดวกกว่าการเลี้ยงสุนัข
นอกจากนี้เทรนด์การเลี้ยงสัตว์เป็นสมาชิกในครอบครัวยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของตลาด โดยผู้เลี้ยงสัตว์จะเริ่มเรียกสัตว์เลี้ยงว่าเป็นลูกหรือสมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ ลูก เป็นต้น ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งส่งผลต่อการดูแลรักษาและการป้องกันโรค
สำหรับบริการที่โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์นั้น สัดส่วนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการสุนัข 60% และแมว 40% โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท มีการเพิ่มขึ้นราว 10% ในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสัดส่วนรายได้หลักมาจาก การรักษา ผ่าตัด ตรวจโรคหัวใจ ต่อมาเป็นโรงแรม และสุดท้ายอาบน้ำตัดขน
ส่วนแผนธุรกิจในปีนี้ลงทุนในอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซีทีสแกน (CT Scan) ราว 10 ล้านบาท และเครื่องเอ็นอาร์ไอ (MRI) 35 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองเครื่องนี้ช่วยในการวินิจฉัยโรคให้แม่นยำยิ่งขึ้น
โดยเครื่องเอ็นอาร์ ที่ใช้ AI ซึ่งเป็นเครื่องแรกของประเทศไทยที่ใช้งานในการตรวจวินิจฉัยโรคในสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์นี้ช่วยให้ภาพคมชัดและการวินิจฉัยทำได้เร็วขึ้น โดยระยะเวลาการทำ MRI ลดลงจากเดิม 1-2 ชั่วโมง เหลือเพียง 30 นาที ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการรักษาสัตว์เลี้ยงที่ต้องใช้เวลาน้อยที่สุดในการวินิจฉัยและการรักษา
รวมถึงในปีนี้ โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา โดยจะขยายไปยังทำเลลาดพร้าว ประดิษฐ์มนูธรรม รังสิต นอกจจากนี้จะทำโรงพยาบาลอีกเซกเมนต์ที่ราคาเข้าถึงง่ายมากกว่านี้ จะได้เห็นในอีก 3-4 ข้างหน้า