องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เดินหน้าเต็มสูบโครงการ "Thailand Intertrade" (ไทยแลนด์ อินเตอร์เทรด) แพลตฟอร์มสำคัญในการสร้างโอกาสและความมั่งคั่งให้กับเกษตรกรไทย พร้อมยกระดับสินค้าเกษตรเมืองร้อนมูลค่าสูงสู่ตลาดโลกอย่างก้าวกระโดด ประเดิมโร้ดโชว์ใน 4 ประเทศศักยภาพ ได้แก่ ออสเตรีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และจอร์แดน รวมถึงประเทศไทย ตลอดช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 นี้ มั่นใจเสน่ห์สินค้าเกษตรไทยโดนใจต่างชาติ สร้างความได้เปรียบทางการตลาดในระดับโลก
โครงการ "Thailand Intertrade" มุ่งเน้นการนำองค์ความรู้จากงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาผลผลิตภายใต้แนวคิด BCG Economy Model (Bio Economy, Circular Economy, Green Economy) เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรสู่ระดับสากล โดยครอบคลุมตั้งแต่การส่งเสริมการใช้นวัตกรรม การพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทาน และการผลักดันการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กล่าวว่า อ.ต.ก. มุ่งมั่นที่จะเป็น Strategic Partner เชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้ซื้อ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ พร้อมผลักดันการเติบโตของภาคเกษตรกรรมไทยด้วยวิสัยทัศน์ที่ทันสมัย งาน "Thailand Intertrade" ถือเป็น Roadshow เชิงกลยุทธ์ที่สร้างขึ้นเพื่อยกระดับให้เกษตรกรและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทยเป็นที่รู้จักในเวทีโลก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เปิดตลาดสินค้าใหม่ และจับคู่ธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย
"อ.ต.ก. มีพันธกิจในการสร้างและส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เราไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่จำหน่ายสินค้า แต่คือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เคียงข้างเกษตรกรไทยในการพัฒนามาตรฐาน สร้างรายได้ และเปิดตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศ การจัดงาน Thailand Intertrade ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับสินค้าเกษตรเมืองร้อนของไทยสู่ตลาดโลก" นายปณิธาน กล่าวเสริม
งาน Thailand Intertrade 2025 ไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมเชิงกลยุทธ์เพื่อนำเสนอสินค้าเกษตรไทยสู่ตลาดโลก แต่ยังเป็นเวที จับคู่ธุรกิจ (B2B) และขยายสู่ ผู้บริโภค (B2C) ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีการนำกลยุทธ์ Data-Driven Marketing ผสาน Local Insight ในแต่ละประเทศเป้าหมายมาใช้ เพื่อสร้างความแม่นยำในการทำตลาด เจาะลึกความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก โดยเน้นสินค้าคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ และรูปแบบการจำหน่ายที่ทันสมัย เช่น อีคอมเมิร์ซ
"อ.ต.ก. ให้ความสำคัญกับการทำตลาดอย่างครบวงจร ตั้งแต่การสนับสนุนองค์ความรู้ การสร้างแบรนด์ การใช้ข้อมูลวิเคราะห์ตลาด ไปจนถึงการขยายช่องทางจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้เกษตรกรไทยสามารถยืนหยัดแข่งขันได้อย่างมั่นคงในตลาดโลก โดยคาดว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินและรายได้ให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ" นายปณิธาน กล่าวปิดท้าย
สำหรับงาน Thailand Intertrade 2025 เริ่มจัดที่ประเทศออสเตรียเป็นที่แรก ระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม ตามด้วยประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 22-22 พฤษภาคม ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน ประเทศจอร์แดน ระหว่างวันที่ 12-14 สิงหาคม 2568 และประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม ณ ตลาด อ.ต.ก. จตุจักร โดยมีเกษตรกรจากทั่วทุกภาคของประเทศไทยเข้าร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดทั้งในและต่างประเทศ