บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 241,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขับเคลื่อนโดยการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งร้านสะดวกซื้อ ค้าส่งค้าปลีก และศูนย์การค้า ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
งวด 9 เดือน มีรายได้รวมจำนวน 730,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ที่เติบโตขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ และรายงานกำไรสุทธิจำนวน 18,167 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (หลังปรับปรุงรายการ)* จำนวนเท่ากับ 18,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 46.3 % จากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ ร้านสะดวกซื้อ และกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้าเป็นหลัก และกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวมสำหรับงวดเก้าเดือนแรกของ ปี 2567 มีจำนวนเท่ากับ 1.98 บาท
ไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 11,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และรายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 5,608 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (หลังปรับปรุง รายการ) จำนวนเท่ากับ 6,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 44.1 % สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ กลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้าเป็นหลัก ประกอบกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมี ประสิทธิภาพ กำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวมในไตรมาส 3 ปี 2567 มีจำนวนเท่ากับ 0.61 บาท
นอกจากรายได้ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว กำไรสุทธิของ CPALL ในไตรมาส 3 ยังเพิ่มขึ้นถึง 44.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อและกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้า ประกอบกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กำไรขั้นต้น ในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการเท่ากับ 53,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9 %จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งยังคงมาจากกลยุทธ์ ด้านสินค้าในทุกกลุ่มธุรกิจ ที่สามารถนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงบการเงินรวมของ บริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 22.7 %จาก 21.8 % ในไตรมาส เดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจร้านสะดวกซื้อในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 107,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาขาขยายตัว ยอดขายโตต่อเนื่องความสำเร็จในไตรมาสนี้มาจากการขยายสาขาใหม่ถึง 199 สาขา ทำให้มีจำนวนสาขาทั้งหมด 15,053 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันยังเพิ่มขึ้นเป็น 81,781 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมก็เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 98 สาขา และมีสาขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 9 สาขา
ปัจจัยหนุนการเติบโต เศรษฐกิจฟื้นตัว กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขาย รวมถึงกลยุทธ์ O20 ประสบความสำเร็จ: การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ผ่านบริการ 7-Delivery และ All Online ช่วยเพิ่มยอดขายและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น