นายโจโจ้ เดลา ครูซ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า ‘เนสกาแฟ’ (NESCAFÉ) ดำเนินธุรกิจในตลาดโลกมากกว่า 86 ปี ได้เปิดทำตลาดไทยเมื่อ 50 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปีที่ผ่านมา มาร์เก็ตแชร์ของเนสกาแฟยังคงรักษาตำแหน่งเป็นอันดับหนึ่งในตลาดประเทศไทย หรือเกิน 50% รวมกันทุกประเภทสินค้า
ภาพรวมของตลาดกาแฟสำเร็จรูปและตลาดกาแฟพร้อมดื่ม (RTD) มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทในปี 66 และคาดการณืปี 67 เติบโตประมาณ 3-5%
ตัวเลขในตลาดกาแฟสำเร็จรูปของไทยในไตรมาสแรกปีนี้มีมูลค่าตลาดโดยรวม 5,700 ล้านบาท และเติบโต 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน เพราะความต้องการที่สูงขึ้นของผู้บริโภคชาวไทย (ที่มา: นีลเส็นไอคิว)
ขณะที่ตลาดกาแฟพร้อมดื่ม (RTD) ก็ยังได้รับความนิยมในไทย โดยมีมูลค่าตลาดกาแฟพร้อมดื่มในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 3,800 ล้านบาท และมีการเติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ที่มา: คันทาร์ เวิลด์พาแนล) เหตุผลหลักๆ ส่วนหนึ่งเพราะผู้บริโภคชอบความสะดวกสบาย ยิ่งในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัดขึ้น ‘กาแฟเย็น’ พร้อมดื่ม ยิ่งได้รับความนิยม
กาแฟเย็นมาแรง! เนสกาแฟจับเทรนด์คนรุ่นใหม่
ตลาดกาแฟไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกาแฟเย็นที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากข้อมูลพบว่าคนไทยนิยมดื่มกาแฟเย็นถึง 47% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป และความต้องการเครื่องดื่มที่สดชื่นและสะดวกในการพกพา
พฤติกรรมการดื่มกาแฟของคนไทยภายใน 1 ปี คนไทยจะดื่มกาแฟต่อคนมากถึง 340 แก้ว และในทุกๆ 1 วินาทีจะมีคนไทยดื่ม NESCAFÉ มากถึง 250 แก้ว เนสกาแฟ ในฐานะแบรนด์กาแฟชั้นนำของไทย ได้ตระหนักถึงโอกาสทางการตลาดนี้จึงได้ปรับตัวและพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟเย็นให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มใหม่
ดังนั้น NESCAFÉ จึงตั้งเป้าหมายที่จะใช้งบประมาณการตลาดในปีนี้มากถึง 620 ล้านบาท ซึ่งก็ยังคงเป็นแบรนด์ Top 3 ที่มีการใช้จ่ายกับการตลาดค่อนข้างสูงในไทยมาตลอด
ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เอาใจคอกาแฟที่ชอบความสดชื่นและแปลกใหม่ นั่นก็คือ ‘กาแฟฮันนีเลมอน’ เป็นกาแฟอเมริกาโน่ + ฮันนีเลมอน โดยจัดจำหน่ายแค่ 1 ล้านกระป๋องเพื่อทดสอบตลาด พร้อมเผยภายในไตรมาส 4 จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
เสริมแกร่งธุรกิจเนสกาแฟ ด้วย “กลยุทธ์ NES”
กลยุทธ์ของเนสกาแฟในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ 3 ด้านหลัก ซึ่งสามารถสรุปได้เป็นกลยุทธ์ “NES” ได้แก่
N: NESCAFÉ Brand การพัฒนาเนสกาแฟให้เป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่า เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลง ผู้บริโภคและบทบาทของกาแฟก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จึงนำไปสู่กลยุทธ์แรก คือ การพัฒนาจุดยืนของแบรนด์เนสกาแฟให้เป็นเครื่องดื่มที่สร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญระดับโลก "Make Your World" เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้เข้าถึงคนไทยแล้ว 59 ล้านคน เนสกาแฟพลิกโฉมแบรนด์จากการเป็นเครื่องดื่มประจำวันที่ทำให้ผู้คนตื่น มาเป็นเครื่องดื่มที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่า เนสกาแฟจะเดินหน้าสร้างความตื่นเต้นและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคผ่านแคมเปญ "Make Your World" ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อไป
E: Experience มอบประสบการณ์การดื่มด่ำกาแฟสุดพิเศษ ผ่านนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูตรใหม่ เนสกาแฟได้เปิดตัวกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มระดับพรีเมียม เนสกาแฟ โกลด์ อเมริกาโน่ และลาเต้ รวมทั้ง เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ฮันนีเลมอน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนสกาแฟวางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดื่มกาแฟเย็นที่มีรสชาติดีเยี่ยมเพื่อการบริโภคทั้งในบ้านและนอกบ้าน และด้วยการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เนสกาแฟจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมกาแฟของไทยให้เติบโตต่อไป
S: Sustainability การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ กลยุทธ์ที่สามเกี่ยวกับการนำความยั่งยืนมาเป็นหัวใจหลักของแบรนด์เนสกาแฟ เนสกาแฟจะมุ่งพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ผ่านการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture ภายใต้โครงการ “เนสกาแฟ แพลน 2030” ซึ่งเป็นโครงการด้านความยั่งยืนระดับโลกของเนสกาแฟ การเกษตรเชิงฟื้นฟูจะช่วยให้เกษตรกรพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของเมล็ดกาแฟ รวมทั้งปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติ
นายโจโจ้ กล่าวต่อไปว่า "ผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า ความทุ่มเทของเราในการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูทำให้เนสกาแฟเป็นแบรนด์ที่มีการปลูกและจัดหาเมล็ดกาแฟอย่างยั่งยืน (Responsible Sourcing) 100% ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน 4C (Common Code for the Coffee Community) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในระดับโลก เพื่อการันตีว่าเมล็ดกาแฟของเราปลูกขึ้นตามมาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับโลก ทำให้เราสามารถนำเสนอกาแฟคุณภาพสู่ผู้บริโภคชาวไทย"