นายอนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดสเต็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5% สำหรับประเทศไทย ตลาดสเต็กมีมูลค่า 9,000 ล้านบาท ซิซซ์เล่อร์มีส่วนแบ่งตลาด 30% ราว 3,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาด 20-25%
ปีนี้ซิซซ์เล่อร์มีแผนเปิดตัว 3 สาขาใหม่ เริ่มต้นด้วยสาขาเซ็นทรัล นครปฐม ซึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำหรับสาขาที่สองเตรียมเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นเขตเมืองหลวงที่มีศักยภาพสูง ซึ่งยอดขายส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ ถึง 60% และสาขาสุดท้ายที่ต่างจังหวัด ทำให้สิ้นปีจะมีสาขาทั้งหมด 67 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 64 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับตลาดต่างประเทศไตรมาส 1 ที่ผ่านมาซิซซ์เล่อร์จับมือบริษัท โกลด์ซัน กรุ๊ป จำกัด ในการเปิดสาขาแรกที่ประเทศเวียดนาม ณ เมืองโฮจิมินห์ สาขาในเวียดนามจะเป็นการขยายแฟรนไชส์ มีรูปแบบร้านที่แตกต่างจากสาขาในประเทศไทย จะไม่มีสลัดบาร์ โดยเน้นไปที่เมนูสเต็กหลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคชาวเวียดนามที่ชื่นชอบการทานเนื้อสัตว์ ซึ่งมีแผนจะขยายไปกลุ่มอาเซียนและตอนนี้มีแฟรนไชส์ในญี่ปุ่นอีก 1 แห่ง
ปี 2566 กลายเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับ "ซิซซ์เล่อร์" เมื่อ บมจ.ไมเนอร์ (MINT) เข้าซื้อกิจการทั้งหมดจาก Collins Foods Limited ประเทศออสเตรเลีย โดย MINT เข้าถือหุ้นใน 100% ในแฟรนไชส์แบรนด์ซิซซ์เล่อร์ทั่วโลก ยกเว้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เปอร์โตริโก และกัวเตมาลา
นอกจากนี้ซิซซ์เล่อร์ มีการปรับโฉมยูนิฟอร์มพนักงานครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การรีแบรนด์ มุ่งยกระดับภาพลักษณ์ของซิซซ์เล่อร์ให้ดูทันสมัย สื่อถึงความเป็นมืออาชีพ ยูนิฟอร์มใหม่นี้ จะทยอยใช้กับพนักงานหน้าร้านทั้ง 2,400 คน ครบทุกสาขาทั่วประเทศ ภายในเดือนมิถุนายนนี้ และในปีซิซซ์เล่อร์นี้ได้ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เฉลี่ยปีละ 10%
นายอนิรุทร์ กล่าวว่า ทิศทางในปีนี้มุ่งมอบประสบการณ์ "Extraordinary Experience" ผ่านกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเมนูใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ด้านราคาที่คุ้มค่า ได้แก่
1. นำเมนูสุดคุ้มอย่าง "ซี่โครงหมูบาร์บีคิว" และ "สเต๊กเนื้อนิวยอร์ก" กลับมาให้บริการอีกครั้ง และมีเมนูอื่นๆ อีกมากมาย กลยุทธ์นี้มุ่งหวังขยายฐานลูกค้า ดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ให้เข้ามาใช้บริการในร้านมากขึ้น
2. เมนูของหวานและบรันช์ ซีซซ์เล่อร์เสริมทัพเมนูของหวาน อาทิ ช็อกโกแลต บราวนี่ มิลค์เชค, แบล็กฟอเรสต์ มิลค์เชค, ซอลท์เท็ด คาราเมล มิลค์เชค และเพิ่มเมนูบรันช์ใหม่ในเล่ม เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เพิ่มโอกาสในการทานอาหารนอกบ้าน
3. ซีซซ์เล่อร์พัฒนาเมนูสลัดบาร์ในคอนเซปต์ใหม่ตามฤดูกาล นำเอาผลไม้ยอดนิยมตามฤดูกาลมาสร้างสรรค์เป็นเมนูสลัดบาร์ เพื่อเจาะกลุ่มรักสุขภาพ
4. ซีซซ์เล่อร์เตรียมพัฒนาระบบสมาชิกใหม่ มอบสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ดึงดูดสมาชิกใหม่ และกระตุ้นให้สมาชิกปัจจุบันมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันซีซซ์เล่อร์มีฐานสมาชิกประมาณ 550,000 ราย คิดเป็น 25% ของยอดขายรวม
สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2566 ของซิซซ์เล่อร์ที่ผ่านมาที่มีการเติบโตจากฐานลูกค้าไดน์อินที่เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบจากปี 2565 ความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากกลยุทธ์หลักที่มุ่งเน้นส่งมอบประสบการณ์การทานอาหารที่สดใหม่ พรีเมียม และมีคุณภาพแก่ลูกค้า โดยมีกลยุทธ์สำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จ ได้แก่