N&B ปรับโมเดลแฟรนไชส์ ปั้นไซส์เล็ก เจาะมนุษย์เงินเดือน

นายบุญประเสริฐ พู่พันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็น แอนด์ บี พิซซ่าเครป (N&B) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าตลาดเครปในไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยพบว่าในปี 2566 มีมูลค่าตลาดราว 1 หมื่นล้านบาทเติบโตเฉลี่ย 5-10% ต่อปี ทำให้ N&B มองเห็นโอกาสในการทำตลาดเพิ่มขึ้น หลังจากที่เผชิญมรสุมโควิด-19 รายได้ ทำให้ต้องปิดสาขาไปเกือบครึ่ง แต่ด้วยกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ และปรับขนาดร้านเล็กลง ทำให้ N&B กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 ได้อีกครั้ง

โดย N&B ปรับกลยุทธ์ มุ่งเน้นการทำตลาดออนไลน์ ทั้งช่องทางโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีสามารถดึงดูดความสนใจ รวมถึงเพิ่มการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านคลิปวิดีโอและมุ่งเน้นการโฆษณาออนไลน์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายจนสามารถกระตุ้นยอดขายได้

“พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนิยมสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้น หรือเลือกซื้ออาหารจากร้านที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เท่ากับว่าเรามีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น จากตอนแรกเปิดแค่เฉพาะในห้างสรรพสินค้า ทำให้ในตอนนี้ต้องขยายธุรกิจมาฝั่งสแตนอโลนมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายของผู้บริโภค”

ทั้งนี้ N&B ขยายโมเดลด้วยการปรับไซส์ธุรกิจแฟรนไชส์ให้ลดลง จากขนาดปกติที่ 10 - 20 ตารางเมตร ใช้ลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือเพียง 1.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 7.9 หมื่นบาท ซึ่งธุรกิจขนาดเล็กจะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่อยู่ในแหล่งชุมชนมากขึ้น

อีกทั้ง N&B ยังได้เป็นพาร์ทเนอร์กับซีพี, เซเว่น อีเลฟเว่น, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, คอมมูนิตี้มอลล์, ปั๊มน้ำมัน, สถานศึกษา, โรงพยาบาล และโก โฮลเซลล์ จะเห็นได้ว่าโมเดลนี้ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้นตอบสนองความต้องการเรื่องการเข้าถึงและเหมาะกับมนุษย์เงินเดือนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองใช้เงินลงทุนไม่มากสามารถควบคู่ไปกับการทำงานประจำได้ N&B มั่นใจว่ากลยุทธ์ใหม่นี้จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้

นายบุญประเสริฐ กล่าวว่า ปัจจุบัน N&B ได้ต่อยอดธุรกิจสู่ “แพนเค้ก” และ “เครื่องดื่ม” โดยทุกสินค้าจะมีจุดเด่นที่การใช้น้ำผึ้งเกสรดอกลำไยเป็นส่วนผสม สะท้อนความเป็นไทยและสอดคล้องกับโลโก้รูปผึ้งของแบรนด์ โดย N&B เครปแป้งบางกรอบโดดเด่นด้วยแป้งสูตรเฉพาะให้สัมผัสบางกรอบ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่วนเครื่องดื่มเป็นต่อยอดสินค้าและเสริมรายได้ต่อบิลให้มากขึ้น อีกทั้ง N&B ร่วมสร้างการรับรู้ในแบรนด์ผ่านพาร์ทเนอร์ด้วยการจับมือ dtac และ Truemove H มอบสิทธิ์ส่วนลดและซื้อ 1 แถม 1 ให้ลูกค้าทั้ง 2 เครือข่าย N&B มุ่งมั่นสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ และสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์

สำหรับแผนการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ร้าน “N&B” อย่างก้าวกระโดด ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนสาขาจากปัจจุบัน 50 สาขา เพิ่มอีก 60 สาขาในปี 2567 และ 120 สาขาในปี 2568 ซึ่งแผนระยะยาวบริษัทตั้งเป้าขยายธุรกิจ N&B ให้ครบ 500 สาขาทั่วประเทศ ในรูปแบบเติบโตอย่างมั่นคง มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม จากแผนทำขนาดร้านให้เล็กลงทำให้รายได้รวมปี 2566 ประมาณ 50 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5% ส่วนไตรมาสแรกถือว่าคงที่

“ภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ตั้งแต่หลังโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ระดับบนธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตต่อเนื่อง แต่ระดับกลางหายไป ส่วนระดับล่างตอนนี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยที่ทำให้ระดับกลางหายไปเนื่องจากการเมือง ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนปัจจัยบวกผู้คนเริ่มแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจ เพราะช่วงวัยทำงานมีความรู้สึกไม่มั่นคง ทำให้ต้องหาอาชีพเสริมเพื่อทำให้รู้สึกมั่นคงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นธุรกิจแฟรนไชส์ตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนที่กำลังมีปัญหาเป็นอย่างมาก”

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,967 วันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567