นายอังกูร พลพิพัฒนพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่โฟรเซ่นฟูดส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทมองเห็นโอกาสในการผลิตสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้ลงทุนด้าน R&D มากพอสมควรเพื่อนำสิ่งที่คุ้นเคยและรู้จักดีเช่นสินค้าแช่แข็งที่เดิมส่งออกทั้งถั่วแขก ถั่วแระและข้าวโพดหวาน มาหาโอกาสที่สามารถนำมาต่อยอดด้านนวัตกรรมไม่ใช่แค่นำเมล็ดไปอบกรอบ
ซึ่งในต่างประเทศมีช็อกโกแลตสเปรด หรือผลิตภัณฑ์ทาขนมปังบางสูตรที่ใช้ถั่วเปลือกแข็ง เช่น พีนัทบัตเตอร์, เฮเซลนัท เข้าไปผสมกับช็อกโกแลต ซึ่งก็เป็นวัฒนธรรมของฝั่งยุโรปหรือโลกตะวันตก แต่ในประเทศไทยผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีไม่มาก ที่สำคัญในประเทศไทยมีเพียงพืชตระกูลถั่วเปลือกอ่อน หากนำไปผสมกับช็อกโกแลตจะช่วยเพิ่มความมัน ความอร่อย จึงนำถั่วแระมาพัฒนาเป็นสเปรดทาขนมปังภายใต้แบรนด์ “บีนาส”
อย่างไรก็ตาม ตลาดสเปรดในประเทศไทยยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับซีกโลกตะวันตก และสินค้ากลุ่มนี้ในตลาดเมืองไทยยังไม่กว้างนักเพราะมีอาหารเช้าหลายเมนู เช่น ปาท่องโก๋ หมูปิ้ง โจ๊ก ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาด ส่วนในกลุ่มของสเปรดเอง “แยม” ยังเป็นตลาดใหญ่กินมาร์เก็ตแชร์ 70-80% ที่เหลือเป็นสเปรดซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์จากต่างประเทศ
ทั้งนี้เบื้องต้นบริษัทจะเน้นการกระจายสินค้าผ่านซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำก่อน ด้วยข้อจำกัดราคาขายปลีกที่ค่อนข้างสูงจากต้นทุนที่สูง ซึ่งราคาสูงกว่าสเปรดแบรนด์ต่างประเทศด้วย ทำให้ไม่สามารถวางจำหน่ายในไฮเปอร์มาร์เก็ตหรือคอนวีเนียนสโตร์ได้ และในอนาคตมีแผนส่งออกไปยังโซนตะวันตกและ ตะวันออกกลางที่น่าจะทำตลาดได้ดี
นอกจากตัวสเปรดแล้ว ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้นำข้าวโพดแช่แข็งมาฟรีซดรายและปรุงรสภายใต้แบรนด์ “คอร์นนิสต้า” 2 รสชาติคือ ไวท์ช็อกโกแลตและคาราเมลบัตเตอร์ วางจำหน่ายทั่วไปในร้านค้าปลีกเช่น ซีเจ มอร์, Jiffy, foodland และอนาคตจะขยายไปวางจำหน่ายในกรูเม่ต์มาร์เก็ต เร็วๆ นี้
“ความท้าทายของการทำแบรนด์ของตัวเองคือเราไม่ได้อยู่ในธุรกิจค้าปลีกมาตั้งแต่เริ่ม เราทำ OEM มาตลอดและส่งออกจำนวนมากในแต่ละครั้ง เราไม่มีองค์ความรู้ด้านค้าปลีกหรือโมเดิร์นเทรดในเมืองไทย เพราะฉะนั้นแต้มต่อของเราจะน้อย เพราะเราไม่มีคอนเนคชัน ไม่มีคนรู้จักในวงการค้าปลีกในเมืองไทยทุกอย่างจึงต้องเริ่มจากการวอล์คอิน
แต่อย่างไรก็ตามสัดส่วนของธุรกิจกว่า 90% ยังคงเป็น OEM เป็นเส้นเลือดใหญ่ของบริษัทด้วยปริมาณการส่งออกเกือบ 2 หมื่นตันต่อปี ส่วนเฮ้าส์แบรนด์ยังมีสัดส่วนน้อยไม่ถึง 10% ส่วนในอนาคตเราหวังใจว่าเฮ้าส์แบรนด์จะเข้ามากินแชร์มากขึ้น”
นายอังกูร กล่าวว่า เชียงใหม่โฟรเซ่นฟูดส์ ทำธุรกิจรับผลิตสินค้า (OEM) เกษตรแปรรูปแช่แข็งมากว่า 30 ปี โดยเริ่มจากการส่งออกถั่วแระ ถั่วแขกแช่แข็งไปยังประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะปรับเปลี่ยนและเพิ่มไลน์โพรดักซ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เช่น ข้าวโพดอ่อน และช่วง 5 ปีหลังเพิ่มไลน์ข้าวโพดหวานแช่แข็ง ภายใต้แบรนด์ของลูกค้าญี่ปุ่นเพื่อส่งเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ และอีกส่วนหนึ่งเป็นแบรนด์ OEM ที่ส่งเข้า Food Service ทั้งโรงงานแปรรูป ร้านอาหารเพื่อปรุงอาหาร
“15 ปีที่แล้วเราเริ่มขยายตลาดนอกประเทศญี่ปุ่นเพื่อกระจายความเสี่ยง เราไม่อยากเอาไข่ทั้งหมดไปอยู่ในตะกร้าใบเดียวกันไม่ใช่ผูกทุกอย่างอยู่กับตลาดญี่ปุ่นทั้งหมด บวกกับกระแสของอาหารญี่ปุ่นในช่วงนั้นทำให้มีการบริโภคถั่วแระญี่ปุ่นมากขึ้นทั่วโลก จึงเป็นช่องทางและโอกาสในการทำตลาดใหม่ๆที่เราสามารถใช้ถั่วแระญี่ปุ่นแช่แข็งเป็นใบเบิกทางได้ ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากสินค้า OEM รวมกว่า 95% ขณะที่ลูกค้าหลักยังคงเป็นญี่ปุ่น 85% และอีก 15% เป็นลูกค้าจากอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลางและภายในประเทศไทยรวมกัน”
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,921 วันที่ 10 - 13 กันยายน พ.ศ. 2566