คีย์ซัคเซส YDM ปั้นแบรนด์บนสมรภูมิการตลาดยุคใหม่

06 ก.ย. 2566 | 10:46 น.

YDM ถอด 3 คีย์ซัคเซส ปั้นแบรนด์บนสมรภูมิการตลาดยุคใหม่โชว์เคสธุรกิจอสังหาฯ ฉุดธุรกิจติดหล่มค้างสต๊อกมานาน 2 ปี ท่ามกลางตลาดชะลอตัวให้ปิดโครงการได้ใน4 เดือน บนงบการตลาดเท่าเดิม

YDM จัดระเบียบข้อมูลใหม่ ผสาน Data Partner ช่วยเพิ่มยอด Lead มากขึ้น 5 เท่า ด้วยราคา Lead ถูกลง 6 เท่า ดันผู้เข้าชมโครงการเพิ่มถึง 4 เท่าตัวแก้โจทย์อสังหาฯค้างสต๊อกขายปิดโครงการใน4 เดือน พร้อมลุยเจาะตลาดธุรกิจประกัน แบงก์กิ้ง การเงิน รถยนต์ และรีเทล ตั้งเป้าเดินหน้าหนุนธุรกิจหลายๆ อุตสาหกรรมให้สามารถ Transform สำเร็จ

นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันนักการตลาดและแบรนด์ให้ความสำคัญกับการทำการตลาดที่สร้างยอดขายแบบวัดผลได้ บนงบประมาณที่เท่าเดิม หรือลดงบการตลาดลง โดยตั้งอยู่บนโจทย์ธุรกิจที่มีการแข่งขันดุเดือด พฤติกรรมผู้บริโภคมีความสลับซับซ้อน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการจะฟันฝ่าให้ได้มาซึ่งยอดขายตามต้องการนั้นต้องอาศัยเทคนิคทางการตลาดเชิงข้อมูล (Data Marketing) ซึ่งสามารถสรุปเป็นคีย์ซัคเซสได้ 3 อย่าง ได้แก่

1. การเสาะหา Target ใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ ไม่ยึดติดอยู่กับ Target แรกที่ตั้งไว้เพียงแค่อย่างเดียว รวมถึงการหา Data Partner เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ

 

2. การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ มาทำงานครีเอทีฟเฉพาะกลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ หรือทำ Customized Creative ให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าเฉพาะให้มากกว่าเดิม

 

และ 3. การทำ Tracking Implementation ติดตามดูข้อมูลของลูกค้าบนช่องทางการตลาดต่าง ๆ  บน Customer Data Platform หรือ CDP อย่างถูกวิธี ทำให้สามารถ Optimize Campaign เพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้ตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ โดย 3 คีย์ซัคเซสดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมในปัจจุบัน เช่น ประกัน รถยนต์ การเงิน แบงก์กิ้ง โรงพยาบาล และ E-commerce ฯลฯ

โดย ล่าสุด YDM ได้นำ 3 คีย์ซัคเซสจากการทำงาน มาทำให้กับแบรนด์คอนโดมิเนียมที่เปิดตัวมานาน 2 ปี แต่ยังปิดการขายไม่หมด ด้วยปัจจัยด้านทำเลที่ค่อยดีนัก ไม่ได้ติดรถไฟฟ้า มีคู่แข่งเปิดโครงการเปิดใหม่โดยรอบพร้อมราคาที่ดูเหมือนจะพิเศษกว่า แถมทางแบรนด์ยังมีงบประมาณในการทำการตลาดจำกัด

 

ในขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปัจจุบันต้องเผชิญกับสถานการณ์ซัพพลายสวนกระแสดีมานด์ พบที่อยู่อาศัยแนวราบและคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีสต๊อกคงค้างจำนวนมาก รวมทั้งมีโครงการขึ้นใหม่เปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเปราะบาง และอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น สถาบันการเงินเข้มงวดกับการปล่อยกู้  

 

ทั้งนี้ YDM ได้ใช้กลยุทธ์ขับเคลื่อนการขาย พลิกฟื้นธุรกิจคอนโดฯ ผ่าน 4 ขั้นตอนหลัก คือ 1. Discovery (ค้นคว้าหาข้อมูลต่าง ๆ) เพื่อให้ทราบปัญหาที่แท้จริง ทั้งที่เกี่ยวกับการทำการตลาดในช่วงที่ผ่านมา สถิติของงานครีเอทีฟเดิมทั้งหมด โปรไฟล์ลูกค้า ข้อมูลจากทีมขาย รวมถึงการทดลองปลอมตัวเป็นลูกค้าเข้าติดต่อ และเยี่ยมชมคอนโดเอง เพื่อให้เข้าถึงปัญหา ความต้องการของ 

 

2. Analysis (การวิเคราะห์ข้อมูล) พบ 2 ปัญหาใหญ่ คือ การทำการตลาด แบบยึดติดในรูปแบบและวิธีเดิม ขาดการทดลองค้นหากลุ่มผู้บริโภคใหม่  เน้นจับแต่กลุ่มผู้บริโภคเดิม  ปัญหาสำคัญคือแบรนด์มี Data ชุดใหญ่ที่ไม่สามารถนำมาวิเคราะห์อะไรได้เลย เพราะมีการทำ Tracking Implementation ที่คลาดเคลื่อนตั้งแต่เริ่มต้น

 

3. Customization & Implementation (ออกแบบและลงมือทำ) เริ่มด้วยการทำ Tracking งานดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งใหม่ทั้งหมด มีการติดตั้งระบบ Mini CDP เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าจากทุกแหล่ง       ทุก Channels ที่มีการทำการตลาด โดยเน้นการใช้ CDP สำหรับการใช้งานในเชิงมีเดียก่อน  เพื่อให้งานมีเดียสามารถวัดผลได้ระดับ Target, Creative และ Channels ได้ แล้วออกแบบงานครีเอทีฟใหม่ทั้และ Creative หลาย ๆ แบบ เพื่อใช้ในการทำ A/B Testing  มีการดึงข้อมูลความต้องการผู้บริโภคที่เป็น Insight จากทีมขายมาปรับ Banner และ Landing Page ใหม่ เน้นโชว์จุดขายให้ชัดเจนขึ้น พร้อมกำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ พร้อมกับเทรนทีมขายในการตอบข้อความ เพื่อนำไปสู่การนัดหมายเข้าชมโครงการและสร้างโอกาสปิดการขายให้มากกว่าเดิม

 

4. Review & Improve (รีวิวและปรับปรุง) เริ่มมีการจูนแผนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมาย  ช่วงแรกพบว่าราคาต่อ Lead พุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมไปถึง 2 เท่า แต่เมื่อมีการทำ Tracking อย่างถูกวิธี สามารถปิดโฆษณาที่ไม่มีประสิทธิภาพและคงไว้เฉพาะโฆษณาที่ได้ประสิทธิผล ทดลองปรับข้อความแบบใหม่ ๆ โดยตัดสินใจจากตัวเลขที่แสดงให้เห็นในระบบ ทำให้ราคาต่อ Lead ถูกลง และ มีปริมาณ Lead ส่งไปยังทีมขาย ด้วยเทคนิคการขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น  ทำให้พบกับลูกค้ากลุ่มใหม่  และยังช่วยแบรนด์ต่อยอดในการหา Data Partner เพื่อให้ได้ข้อมูลมาใช้ในงานมีเดีย ทำให้สามารถเพิ่ม Lead และขายคอนโดได้ดีขึ้นจากกลุ่มเป้าหมายใหม่กลุ่มนี้

 

 “หลังวางระบบผ่านไป ในระยะเวลาโดยประมาณ 1 เดือน พบว่าสามารถเพิ่ม Click-through rate (CTR)     ชมโครงการคอนโดเพิ่มขึ้น 3 เท่า Conversation Rate จากคลิกเป็น Lead สูงขึ้น 2.5 เท่า ราคา Lead ถูกลง   6 เท่า จำนวน Lead มากขึ้น 5 เท่า มีจำนวนผู้เยี่ยมชมโครงการสูงขึ้น 4 เท่า และที่สำคัญคือโครงการคอนโดที่ติดหล่มค้างปิดการขายมานานกว่า 2 ปี สามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือน  ด้วยงบประมาณการตลาดเท่าเดิม”