ไทยรั้งรองแชมป์โลก "บูลลี่" ในโรงเรียน “นันยาง” ถอดโลโก้ประกาศจุดยืน

27 เม.ย. 2566 | 09:35 น.

ไทยติดอันดับ 2 ประเทศที่มีปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนสูงสุดของโลก “นันยาง” เทคแอคชั่น ประกาศจุดยืนยุติการบูลลี่ ถอดโลโก้ นันยาง บนรองเท้าผ้าใบผ่านแคมเปญ “BULLY NO MORE”

นันยาง ปล่อย  TVC  ‘คำขอโทษจากนันยาง’ หลังเนื้อโฆษณาในอดีตเข้าข่ายการบูลลี่โดยไม่ได้ตั้งใจ พร้อมเปิดตัวรองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่นพิเศษ “Nanyang ‘BULLY NO MORE’ Special Edition” ถอดโลโก้นันยางบนรองเท้า เปลี่ยนเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE หวังผลักดันการยุติปัญหาบูลลี่ในโรงเรียนให้หมดไปภายใต้แคมเปญ “BULLY NO MORE”

ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด

ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรองเท้านักเรียนในไทยปี 2566 มีแนวโน้มกลับมาเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา จากกำลังซื้อเริ่มกลับมาผู้คนกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ และเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ระบบทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเกิดความคล่องตัวเพิ่มขึ้นกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมามาก  สัญญาณบวกเหล่านี้จะหนุนให้ตลาดรองเท้านักเรียนของไทยในปีนี้ กลับมาคึกคักรับช่วงเปิดเทอมใหม่ในเดือนพฤษภาคมนี้ได้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าในปีนี้ รองเท้าผ้าใบนักเรียนของนันยางจะมีอัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 8-10% ซึ่งเติบโตสูงกว่าตลาดรวมที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 3-5%

 

“ปัจจุบันตลาดรองเท้านักเรียนทุกประเภทในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท  หากพิจารณาเฉพาะตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียนพบว่า นันยางครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 43-44% ซึ่งในปี 2566 นอกจากรองเท้าผ้าใบไซส์ใหญ่ของนันยางที่สามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทฯ ยังได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มรองเท้านักเรียนไซส์เล็กให้มากขึ้นด้วยเช่นกันจากการรุกทำการตลาดของรองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่น นันยาง Have Fun ที่มีคุณสมบัติ เบา นุ่ม สบาย ไม่ต้องผูกเชือก ลดการสัมผัสเชื้อโรค ที่ปัจจุบันผู้ปกครองรู้จักเป็นอย่างดี และเป็นกระแสนิยมอย่างมากของกลุ่มเด็กนักเรียนในระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ 

“นันยาง” ผุดแคมเปญรับเปิดเทอมหยุดการ "บูลลี่" ในโรงเรียน

โดยมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ด้านช่องทางการขายต่างประเทศนั้น นันยางยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้น จากกลยุทธ์การร่วมมือกับภาครัฐนำสินค้าไทยไปขยายตลาดในต่างประเทศ มีการออกบูธแสดงสินค้าในต่างประเทศ ส่งผลให้รองเท้าผ้าใบนันยางเป็นที่รู้จักในระดับสากลมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสำคัญอย่างในวงการกีฬาตะกร้อ และเทคบอลที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบันด้วย จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งใน Soft Power ของไทยในปัจจุบัน” 

 

อย่างไรก็ตาม นันยาง ได้ตระหนักถึงปัญหา “การบูลลี่ในโรงเรียน” ซึ่งข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตระบุว่าปัจจุบันไทยกลายเป็นประเทศที่มีปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่อินไซต์เด็กนักเรียนไทย พบว่าฝันสูงสุดคือต้องการหยุดปัญหาและพฤติกรรม “การบูลลี่ในโรงเรียน” ให้หมดไป 

 

นันยาง ในฐานะผู้นำตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียนจึงต้องการประกาศจุดยืนเป็นแนวร่วมเด็กไทยยุติปัญหาด้วยแคมเปญ “BULLY NO MORE”  โดยในปีนี้ นันยางได้จัดทำสื่อที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ ‘คำขอโทษจากนันยาง’ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่นันยางได้เคยสื่อสารไปในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจมีเนื้อหาบางส่วนเข้าข่ายการบูลลี่โดยไม่ได้ตั้งใจ และหวังว่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการจุดประกายแนวคิดให้แก่นักเรียนที่เคยมีพฤติกรรมการบูลลี่คนอื่น ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามเกิดการฉุกคิดและปรับเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องนี้

 

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา รองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่นพิเศษ “Nanyang ‘BULLY NO MORE’ Special Edition” ที่สละพื้นที่โลโก้นันยางบนรองเท้า ให้เป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE เพื่อประกาศจุดยืนในเรื่องนี้ให้ชัดเจน พร้อมเชิญชวนนักเรียนทั่วประเทศมาเป็นแนวร่วมทุกครั้งที่ได้เห็นข้อความบนรองเท้า โดยนันยางเปิดโอกาสให้นักเรียนนำรองเท้าคู่เก่ามาแลกรองเท้ารุ่นพิเศษนี้

 

ซึ่งรองเท้าคู่เก่าของพวกเขา จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงาน Art Installation ที่ประกอบขึ้นเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE  ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ จะได้ทำการประทับรอยเท้าแสดงจุดยืนร่วมกันเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE ที่จะทำให้จุดยืนการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนนี้ค่อยๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และนันยางจะใช้โอกาสของการร่วมกันประกาศจุดยืนนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนให้หมดไปผ่านแนวคิด ‘ย่ำให้เต็มที่ แต่ไม่ย่ำยีใคร’