เบื้องลึก "แกรมมี่-อาร์เอส" ซุ่มเจรจา 5 ปีก่อนเคาะ "คอนเสิร์ตข้ามค่าย"

28 มี.ค. 2566 | 10:10 น.

2 บิ๊ก "Grammy - RS" ซุ่มเจรจา 5 ปี ปิดดีลควักคนละครึ่ง ร่วมทุนจัดคอนเสิร์ตข้ามค่าย 3 ปีซ้อน ประเดิมปีแรกอัด 3 คอนเสิร์ตรวด สเตจแรกดีเดย์ก.ค. 66 คาดแฟนคลับให้การตอบรับไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นคน สร้างเม็ดเงินไม่น้อยกว่า 220 ล้านบาท

หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าว 2 บิ๊กค่ายเพลง อย่าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และ อาร์เอส จะจัดคอนเสิร์ต“GRAMMY x RS” ร่วมกัน ภายใต้กิจการร่วมค้า ACROSS THE UNIVERSE JOINT VENTURE ล่าสุด 2 หัวเรือใหญ่ตัวแทนจากทั้ง 2 ค่ายออกมาเปิดเผยเบื้องลึกบิ๊กดีลที่ใช้เวลาทาบทามและซุ่มเจรจากันมากว่า 5 ปี 

แกรมมี่ JV อาร์เอส ลุย "คอนเสิร์ตข้ามค่าย"

หัวเรือใหญ่อย่าง "เฮียฮ้อ - สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อาร์เอส ถือเป็นไอคอนทางดนตรีที่บุกเบิกวัฒนธรรมเพลงวัยรุ่นของไทยมาอย่างยาวนาน โดยเมื่อต้นปีนี้ทางอาร์เอสได้เผยถึงกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนท์ในการกลับมาเดินหน้าธุรกิจเพลงอีกครั้ง

ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ที่ชัดเจนและพาร์ทเนอร์ใหม่ที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ ครั้งนี้จึงนับเป็นโอกาสที่ดีมากที่อาร์เอส ได้เริ่มต้นทำความร่วมมือกับพันธมิตรรายสำคัญอย่าง ‘แกรมมี่’ ซึ่งเป็นผู้นำและเป็นเพื่อนร่วมวงการที่ช่วยกันผลักดันและสร้างสรรค์วงการเพลงไทยมาอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบ JV (Joint Venture) ในจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อผสานศักยภาพที่โดดเด่นของทั้งสองบริษัทเพลงชั้นนำของไทยเข้าด้วยกัน

ขณะที่บิ๊กบอสฝั่งแกรมมี่ "ภาวิต จิตรกร" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้นี้ว่า ดีลนี้เกิดจากการทาบทามกันไปมาระหว่างแกรมมี่และอาร์เอสมากว่า 5 ปี ที่ผ่านมายอมรับว่าทั้ง 2 ค่ายอยู่คนละจักรวาล แกรมมี่ทำธุรกิจเพลงและจัดคอนเสิร์ตมาอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนอาร์เอสเองก็ยังคงทำธุรกิจเพลงต่อเนื่องเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ทั้ง 2 ค่ายจะเดินไปพร้อมกันและทำธุรกิจไปด้วยกัน เพราะเห็นโอกาสจาก data และ insideของผู้บริโภคที่เรียกร้องมาอย่างยาวนาน ปรากฏการณ์ครั้งนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองผู้บริโภค

“ความยิ่งใหญ่ของโปรเจคนี้ดูเผินๆเหมือนเราจะต้องเดินไป stadium แต่จากการศึกษาอินไซต์ผู้บริโภคพบว่า อากาศร้อน เดินทางไม่สะดวก เพราะฉะนั้นเราจะจัดงานที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แต่ความพิเศษคือเราทำให้เป็น super scale ภายใต้ Tri-Series หรือซีรีย์คอนเสิร์ต 3 ปีเราจะเปิดหน้าหนังปีต่อปีเพราะแต่ละคอนเสิร์ตจะแตกต่างกันทั้งรูปแบบและคอนเซ็ปต์ สำหรับปีนี้ซึ่งเป็นปีเราจะจัด 3 คอนเสิร์ตใหญ่  ในเดือนกรกฎาคม กันยายน และตุลาคมตามลำดับ”

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้แกรมมี่จะรับผิดชอบในเรื่อง business strategy  การขายตั๋ว การทำคอนเสิร์ต creative production ติดต่อศิลปินในฝั่งของแกรมมี่ ขณะเดียวกันประมาณการรายได้ 220 ล้านต่อปี หรือประมาณ 650 ล้านบาทใน 3 ปี เบื้องต้นคาดว่าจำนวคอนเสิร์ตแต่ละปีจะใกล้เคียงกัน คือประมาณ 3 คอนเสิร์ต คอนเสิร์ตละ 2 รอบ รอบละ 1 หมื่นที่นั่งหรือ 6หมื่นที่นั่งต่อปีใช้ระยะเวลาการแสดงประมาณ 3 ชม.และราคาตั๋วยึดตามราคากลางของตลาดเพลงคือ 2,000-6,000 บาท/ใบ

“สิ่งที่เราคาดหวังจากความร่วมมือครั้งนี้คือ 1. เราอยากสร้างประวัติศาสตร์ แม้ที่ผ่านมาเราจะเป็นคู่แข่งกันมานานแต่ไม่จำเป็นที่เราจะเป็นศัตรูกันตลอดไป การแข่งขันเป็นสิ่งสวยงามแต่เมื่อเดินมาถึงจุดที่เราสามารถทำงานร่วมกันได้ก็จะเป็นสร้างประวัติศาสตร์และประสบการณ์ครั้งใหม่ 2. เราหวังว่าเราจะสามารถทำงานอย่างมีสุขและสนุกในการทำงานร่วมกันเพราะโอกาสแบบนี้บางทีร้อยปีอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย จึงต้องใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่าในการศึกษาเรียนรู้ความเก่งของทั้งสองฝ่าย 

3. เราอยากตอบแทนผู้บริโภคเพราะแฟนๆรอคอยมาตลอด 40 ปีที่ศิลปินสองค่ายจะอยู่บนเวทีเดียวกัน เราต้องตอบสนองและทำให้ดีที่สุดให้ผู้บริโภคประทับใจ ทีม creativeจะต้องเต็มที่สุดของหน้าหนังและสุดท้ายเราอยากให้อุตสาหกรรมเพลงเดินไปข้างหน้ายังยั่งยืน และเชื่อว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่ จะ sold out และได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆและอาจนำไปสู่การต่อยอดโปรเจ็คต่อๆไปในอนาคต”

นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)

ขณะที่ฝั่ง "อาร์เอส" นำโดย "วิทวัส เวชชบุษกร" ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ควบตำแหน่ง กรรมการกิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส ซึ่งเป็นผู้ดูแลโปรเจกต์นี้ของทาง อาร์เอส กรุ๊ป เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับรูปแบบการร่วมมือครั้งนี้เป็นการจัดตั้งกิจการร่วมค้าในสัดส่วนการลงทุน 50%- 50% และรับผิดชอบการทำงานครึ่งต่อครึ่งและตัดสินใจหลายๆอย่างร่วมกัน ในทุกๆด้านเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ในส่วนของ RS นอกจากดูแลในภาพรวมแล้วยังรับผิดชอบเรื่องงบประมาณ การประชาสัมพันธ์และการติดต่อศิลปินในฝั่งของ RS โดยทำงานร่วมกับแกรมมี่อย่างใกล้ชิด
“ทั้งอาร์เอสและแกรมมี่เป็นค่ายใหญ่ เป็นเพื่อนร่วมวงการ และมีส่วนในการสร้างอุตสาหกรรมเพลงไทยมาอย่างยาวนาน โอกาสนี้เป็นความร่วมมือที่เป็นปรากฏการณ์พิเศษที่ทั้ง 2 ค่ายตั้งใจสร้างความสุขให้กับแฟนคลับของทั้งสองค่ายและให้โอกาสศิลปินสร้างความสุข ร้องและเต้นกับเพื่อนร่วมวงการที่เติบโตมาด้วยกัน ในส่วนของความพิเศษของคอนเสิร์ตครั้งนี้ ผู้จัดเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้เต็มที่และแตกต่างกันในทุกคอนเสิร์ต  

ส่วนที่เราคาดหวังในเชิงธุรกิจคือกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนคลับอาร์เอสและแกรมมี่ทั่วประเทศและเชื่อว่าคอนเสิร์ตทั้ง 3 คอนเสิร์ตในปีนี้น่าจะประสบความสำเร็จ และบัตร SOLD OUT เหมือนกับทุกคอนเสิร์ตที่เราจัดมาและทำรายได้จากการขายบัตรคอนเสิร์ตไม่ต่ำกว่า 220 ล้านบาทขึ้นไป และมีกำไรไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท โดยจะแบ่งรายได้กันครึ่งต่อครึ่ง”