“CPN” กำไรทะลุหมื่นล้าน ปักหมุดผุดมิกซ์ยูสทั่วประเทศ

24 ก.พ. 2566 | 04:25 น.

เซ็นทรัลพัฒนา จ่อเปิดโครงการมิกซ์ยูสใหม่เพียบ ทั้งเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ Marché Thonglor หลังกวาดรายได้ทะลุ 37,155 ล้านบาท โต 28% กำไรกว่าหมื่นล้าน เติบโต 51%

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 37,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% และกำไรสุทธิ 10,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน

ฟื้นตัวดีต่อเนื่องกลับมาสู่ระดับใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตโควิด ด้วยปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วงปลายปีที่กลับมาคึกคัก และตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นการจับจ่ายของทั้งภาครัฐและเอกชน

นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์

รวมทั้งเซ็นทรัลพัฒนาได้จัดแคมเปญการตลาดเพื่อดึงดูดทราฟฟิก ส่งเสริมยอดขายให้กับผู้เช่าและพันธมิตร และเป็นการคืนกำไร มอบความสุขให้ลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว อาทิ แคมเปญ Embracing Happiness 2023 ที่จับมือกับพันธมิตรระดับโลก LINE FRIENDS และงาน Bangkok & Thailand CountdOwn 2023 เอ็นเตอร์เทนเมนต์เคาท์ดาวน์ระดับโลกที่ดีที่สุด

นอกจากนี้บริษัทยังคงบริหารจัดการต้นทุน ค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรสูงสุด และขยายธุรกิจในรูปแบบ “Retail-Led Mixed-Use Development” ได้สำเร็จตามแผน โดยในไตรมาส 4 ปี 2565 ได้เปิดตัวโครงการใหม่ ได้แก่ โรงแรม GO! Hotel บ่อวิน ชลบุรี Premium Budget Hotel, คอนโดแนวสูง ESCENT VILLE ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี, ESCENT ตรัง, NIRATI เชียงใหม่ และ NINYA ราชพฤกษ์  เป็นต้น

สำหรับโครงการใหม่ในปีนี้ ได้แก่ ‘เซ็นทรัล เวสต์วิลล์’ มูลค่ารวมกว่า 6,200 ล้านบาท ในคอนเซ็ปต์ “The Evolution of Semi-Outdoor Retail Model” ต่อยอดความสำเร็จของโครงการรูปแบบ Semi-Outdoor ที่ผสมผสานพื้นที่สีเขียวเข้ากับศูนย์การค้า เพิ่ม Green Park แห่งใหม่ให้เมือง เตรียมพลิกโฉมย่านราชพฤกษ์ ปั้นสู่ย่าน Upper-Class Lifestyle ของกรุงเทพฯ ตะวันตก เจาะทาร์เก็ตกำลังซื้อสูงกลุ่ม Affluent & Quality Lifestyle เตรียมเปิดในไตรมาส 4 2566 นี้

“CPN”  กำไรทะลุหมื่นล้าน ปักหมุดผุดมิกซ์ยูสทั่วประเทศ

คอมมูนิตี้มอลล์ ‘Marché  Thonglor’ (Market Place Thonglor เดิม) ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดในย่านทองหล่อ เปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 66 นี้  นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 โครงการมิกซ์ยูสโมเดลใหม่ ‘เซ็นทรัล นครสวรรค์’ และ ‘เซ็นทรัล นครปฐม’ รวมมูลค่า 14,000 ล้านบาท ที่จะเปิดให้บริการประมาณ ไตรมาส 1-2 ปี 2567 

โดยตั้งเป้าให้ทั้ง 2 โครงการ ปั้นเมืองศักยภาพแห่งใหม่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน พร้อมทั้งพาคู่ค้าเติบโตขยายสาขาไปทั่วประเทศ ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาการให้เช่าสินทรัพย์เพิ่มเติมแก่กองทรัสต์ CPNREIT ซึ่งบริษัทวางแผนที่จะดำเนินการในครึ่งหลังของปี 2566 โดยรายละเอียดจะมีการแจ้งเพิ่มเติมในลำดับถัดไป

ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนา บริหารจัดการศูนย์การค้ารวมทั้งหมด 39 โครงการ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 แห่ง (ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ ต่างจังหวัด 21 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์การค้าเอสพลานาด 1 แห่ง และศูนย์การค้าเมกา บางนา (ภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 1 แห่ง) และคอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร

“CPN”  กำไรทะลุหมื่นล้าน ปักหมุดผุดมิกซ์ยูสทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 33 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 4 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 28 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT  VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN (ทาวน์โฮม) ESCENT AVENUE (โฮมออฟฟิศ) NINYA (บ้านแฝด) NIYAM (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการแนวราบหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ NIRATI ที่เชียงใหม่ เชียงราย บางนา และดอนเมือง นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” big project ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2567 เป็นต้นไป

“CPN”  กำไรทะลุหมื่นล้าน ปักหมุดผุดมิกซ์ยูสทั่วประเทศ

สำหรับทิศทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2565-2569) บริษัทเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งที่ประกาศไปแล้วและยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Retail-Led Mixed-use Development) โครงการโรงแรมและที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

รวมทั้งยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน