นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า BOI ได้ดำเนินการร่วมกับสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทยและสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ฮ่องกง สร้างฐานการผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB)
และการประกอบปลั๊กอินแผงวงจร (PCBA) ในประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยบีโอไอมีการปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุน ขยายขอบเขตการส่งเสริมกลุ่มอุตสาหกรรม PCB แบบครบวงจร ครอบคลุมทั้ง Supply Chain
รวมถึงการผนึกกำลังกับภาคเอกชน เพื่อสร้างการเชื่อมโยงภายในอุตสาหกรรม และสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทยในการผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบส่งให้กับบริษัทผู้ผลิต PCB เหล่านี้ด้วย
ทั้งนี้ ล่าสุดได้ดำเนินการร่วมกับพันธมิตรจัดานแสดงสินค้าและบริการวงจรอิเล็กทรอนิกส์แห่งเอเชีย หรือ เทกก้า (Thailand Electronics Circuit Asia: THECA) แสดให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการเป็นฐานการผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียนและของโลก
ด้วยกระแสการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภูมิศาสตร์เศรษฐกิจของโลก ทำให้เกิดการโยกย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่ในหลายอุตสาหกรรมเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และPCB เนื่องจากศักยภาพและความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากรทักษะสูง และห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง ทำให้ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นจุดหมายของการลงทุน
ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 มีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของการส่งออกทั้งประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมที่ดึงดูดการลงทุนจำนวนมาก โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้กว่า 535,000 ล้านบาท เฉพาะในปี 2566 มีมูลค่าคำขอสูงถึง 334,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2565 และคิดเป็นสัดส่วน 40% ของคำขอรับการส่งเสริมทั้งหมด
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเฉพาะกลุ่ม PCB และ PCBA จะเห็นว่าการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากมูลค่า 15,600 ล้านบาท ในปี 2564 และ 15,900 ล้านบาท ในปี 2565 เพิ่มเป็น 100,860 ล้านบาท ในปี 2566 และยังเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 มีคำขอรับการส่งเสริม PCB และ PCBA จำนวน 27 โครงการ มูลค่ารวม 36,044 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของบริษัทชั้นนำจากจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และฮ่องกง
"THECA จะทำให้มีการพบปะระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในอุตสาหกรรม PCB เกิดการสร้างเครือข่ายของผู้ประกอบการและการเจรจาต่อยอดธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่การซื้อขายชิ้นส่วน การว่าจ้างผลิตและบริการ รวมถึงการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและต่างชาติ โดยบีโอไอจัดให้มีกิจกรรม Business Matching ซึ่งคาดว่าจะมีการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 1,000 คู่ และมีมูลค่าซื้อขายที่จะเกิดขึ้นกว่า 20,000 ล้านบาท"
นายนฤตม์ กล่าวอีกว่า งานดังกล่าวจะช่วยสร้างความเข้มแข็งของ Supply Chain ในอุตสาหกรรม PCB ไทย รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องที่ต้องการใช้ PCB ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ โทรคมนาคม อุปกรณ์การแพทย์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นฐานที่มั่นสำคัญของภูมิภาคสำหรับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
นายพิธาน องค์โฆษิต นายกสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย กล่าวว่า การได้รับสนับสนุนจากบีโอไอ ทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั่วโลกสนใจ ปัจจุบัน แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของไทยมีส่วนแบ่งการตลาด หรือ Market Share อยู่ที่ประมาณ 4% แต่หากมีการเปิดโรงงานจากผู้ลงทุนในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก BOI อีก 50 โรงงาน จะทำให้ Market Share ของไทยเติบโตได้ถึง 10% เป็นอันดับที่ 4 ของโลก รองจากจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งจะส่งผลดีหลายด้านต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างอาชีพและการจ้างงานภายในประเทศที่จะเพิ่มสูงขึ้น 50,000-80,000 ตำแหน่งงาน เฉพาะภาคอุตสาหกรรมแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับตลาด PCB ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่า 3 ล้านล้านบาท (86.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2026 โดยเติบโตเฉลี่ยปีละ 3.3% HDI PCBs มีอัตราการเติบโตสูงถึง 11.1% เนื่องจากมีขนาดเล็ก ประสิทธิภาพสูง และน้ำหนักเบา รวมทั้ง Flexible PCBs ก็กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นในสินค้าเทคโนโลยีสวมใส่และอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยคาดว่าตลาดจะมีมูลค่า 5.3 แสนล้านบาท (15.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2026