ราคาทองคำพุ่งแรง ตามสถานการณ์โลก กูรู ชี้ “ราคาขึ้นต่อเนื่อง”

05 มี.ค. 2567 | 16:10 น.

ราคาทองคำปรับตัวพุ่งแรง สูงขึ้นบาทละ 700 บาทในวันเดียว กูรู ชี้ หลายปัจจัยทางเศรษฐกิจหนุนราคาทองคำ ทั้ง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ย้ำ ราคายังอยู่ในขาขึ้นจนถึงกลางปี

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาทองที่ปรับราคาขึ้นสูงช่วงนี้ หากนับจาก 1 มี.ค. 67 จนถึงปัจจุบันราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นแล้วกว่าบาทละ 1,400 บาท ทั้งนี้คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่มีสถาบัน หรือ กองทุนเข้ามาเก็งกำไรในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกผันผวน ขณะที่ตัวเลขด้านเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาออกมาไม่ดีอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ทำให้มีผู้หันมาลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงมากขึ้น

“ธนาคารกลางหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป จีน ประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างกลุ่มอาเซียน แม้กระทั่งไทย ก็หันมาเก็บทุนสำรองเป็นทองคำมากขึ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนให้ราคาทองพุ่งขึ้น”

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความกังวลถึงแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะมีการประชุมใน วันที่ 20 มี.ค.นี้ หากมีการปรับลดจริง ก็จะหนุนให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นไปอีก รวมถึงความกังวลเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

ด้านนายชลธิศ นวลพลับ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บ.ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด มองว่า ราคาทองคำที่พุ่งสูง ณ ปัจจุบัน ได้รับการสนับสนุนจากความกังวลด้านเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะที่การที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ เฟด อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น หลังจากดอกเบี้ยขาขึ้นเมื่อปีที่แล้ว คาดว่าราคาทองคำจะยังอยู่ในระดับสูงจนถึงกลางปี

“เป็นปกติอยู่แล้วที่ ถ้าดอกเบี้ยขึ้น ราคาทองจะตกลง และถ้าดอกเบี้ยลดลง ราคาทองคำจะพุ่งสวนขึ้น ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยยังไม่ลด แต่หลายปัจจัยหนุนให้ควรมีการลดดอกเบี้ย การที่ราคาทองคำปรับขึ้น เป็นสัญญาณของเรื่องดังกล่าว แต่คำถามคือดอกเบี้ยจะลดลงเมื่อไร?”

ทั้งนี้ อีกปัจจัย คือนโบบายหลังการเลือกตั้งของสหรัฐฯ หลายฝ่ายมีความกังวลถึงสุขภาพของนายโจ ไบเดน ที่มีอายุมากแล้ว ทำให้มีสัญญาณว่า นายโดนัล ทรัมป์มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง และหากทรัมป์ยังคงเน้นย้ำว่าจะดำเนินนโยบายที่จะไม่คุ้มครองประเทศสมาชิก NATO จากการโจมตีในอนาคตโดยรัสเซีย หากประเทศเหล่านี้ไม่ได้ใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมต่อพันธมิตร NATO มากพอ ก็จะทำให้ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์มีความซับซ้อนมากขึ้น

“นโยบายของทรัมป์ มีโอกาสหนุนราคาทองคำให้พุ่งสูงจากความกังวลต่าง ๆ ผู้คนจะหันมาลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงอย่างทองคำมากขึ้น รวมถึงความขัดแย้งทางการค้ากับจีน ก็จะทำให้มีการสต๊อกสินค้าเพิ่ม ส่งผลต่อเงินเฟ้อ ก็ยิ่งกดดันราคาทองคำมากขึ้น”

ส่วนอีกประเด็นเรื่องความขัดแย้งคือ การที่หนึ่งในสมาชิกคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล เตือนกลุ่มฮามาสว่า หากไม่ปล่อยตัวประกันในฉนวนกาซาทั้งหมด ภายในวันที่ 10 มี.ค. 67 กองทัพอิสราเอลจะบุกโจมตีเมืองราฟาห์ภาคพื้นดินทันที ซึ่งวันที่ 10 มี.ค. นั้น จะตรงกับวัน วันรอมฎอน ของชาวมุสลิม หากเกิดขึ้นจริง น่าจะสร้างความไม่พอใจกับประเทศอาหรับ ก็จะกดดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นไปอีกแน่นอน