"260 CEO"จี้รัฐหนุนติดโซลาร์เซลล์ลดภาระค่าไฟ-ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน

27 ธ.ค. 2566 | 07:40 น.

"260 CEO"จี้รัฐหนุนติดโซลาร์เซลล์ลดภาระค่าไฟ-ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน แนะเร่งตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในหน่วยงานภาครัฐ ระบุเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ฉุดรั้งไทยไม่สามารถเติบโตได้อย่างที่ควรเป็น

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 36 ในเดือนธันวาคม 2566 ภายใต้หัวข้อ “ของขวัญปีใหม่แบบไหนถูกใจภาคอุตสาหกรรม” พบว่า สืบเนื่องจากภาครัฐได้ทยอยออกมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นของขวัญขึ้นปีใหม่ 67 ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 2567 

การปรับลดอัตราค่าไฟ โครงการ Easy E-Receipt มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลและแก๊สหุงต้ม (LPG) มาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) 3.5 เป็นต้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวที่ได้ประกาศออกมาแล้วหรือที่อยู่ระหว่างการพิจารณานั้น มีทั้งที่ภาคเอกชนเห็นด้วย และบางมาตรการก็มีความห่วงกังวลถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น 

ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มีความคาดหวังให้รัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 โดยมีข้อเสนอมาตรการที่ได้รับความสนใจสูงสุดจากผู้บริหาร ส.อ.ท. ในแต่ละด้าน ได้แก่ 

  • มาตรการส่งเสริมเพื่อเพิ่มความต้องการสินค้าอุตสาหกรรม เช่น สินเชื่อพิเศษเพื่อการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เงินอุดหนุนการติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อประหยัดค่าไฟและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ฯลฯ 

"260 CEO"จี้รัฐหนุนติดโซลาร์เซลล์ลดภาระค่าไฟ-ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน

  • การปลดล็อกกฎหมายให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าทุกขนาด โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต รง.4 เพื่อลดภาระค่าไฟ 
  • มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงกระบวนการผลิตและจัดการสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด ESG 
  • การเร่งตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมานานและฉุดรั้งทำให้ประเทศไทยไม่สามารถเติบโตได้อย่างที่ควรจะเป็น

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ให้คะแนนพึงพอใจกับผลงานของรัฐบาลปี 2566 สูงสุด ในเรื่องการกำกับดูแลราคาพลังงานและการออกมาตรการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบด้านพลังงานทั้งการปรับลดค่าไฟ อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล และลดราคาน้ำมันเบนซิน

ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการช่วยลดภาระต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการ รักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในช่วงที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัว

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 216 ราย ครอบคลุมผู้บริหารจาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 36 จำนวน 5 คำถาม ประกอบด้วย

ภาครัฐควรดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรม (Multiple choices)

  • มาตรการส่งเสริมเพื่อเพิ่มความต้องการสินค้าอุตสาหกรรม เช่น 68.5% สินเชื่อพิเศษเพื่อการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เงินอุดหนุนการติดตั้งโซล่าเซลล์ เพื่อประหยัดค่าไฟและส่งเสริมการใช้ RE ฯลฯ 
  • มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรองโดยการให้ส่วนลดค่าที่พัก 60.6% และส่วนลดซื้อสินค้าในจังหวัด  
  • มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมให้เอกชนซื้อสินค้าและบริการ 53.7% ที่อยู่ในระบบ e-Tax
  • เพิ่มวงเงินในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในการซื้อสินค้าและบริการจาก SME 51.9% และ Made in Thailand 

ภาครัฐควรบริหารจัดการพลังงานอย่างไร เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรม (Multiple choices)

  • ปลดล็อกกฎหมายให้สามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าทุกขนาด 72.7% โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต รง.4 เพื่อลดภาระค่าไฟ
  • การตั้ง กรอ.พลังงาน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาพลังงานทั้งระบบ 65.3%
  • ปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) งวดที่ 1/2567 ให้ไม่เกิน 3.99 ต่อหน่วย 62.0%
  • มาตรการช่วยเหลือลดค่าไฟให้กับ SME โดยมีส่วนลดเป็นขั้นบันได 49.5% ตามปริมาณการใช้ไฟฟ้า

ภาครัฐควรช่วยเหลือด้านการเงินอย่างไร เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรม (Multiple choices)

  • มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อส่งเสริมการปรับปรุง  68.1% กระบวนการผลิตและจัดการสิ่งแวดล้อม
  • เสนอให้ ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ 59.3% ให้กับลูกหนี้ 
  • สถาบันการเงินรัฐออกมาตรการส่งเสริมและจูงใจลูกหนี้ SME ที่มีประวัติชำระหนี้ดี   56.9% เช่น ลดดอกเบี้ย ขยายวงเงินสินเชื่อ
  • ขยายฐานยกเว้นการเก็บภาษีนิติบุคคลจาก SME จากเดิม 46.8% ไม่เกิน 300,000 บาท เป็นไม่เกิน 1,000,000 บาท

ภาครัฐควรดำเนินการส่งเสริมปัจจัยเอื้อในการประกอบธุรกิจอย่างไร เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรม (Multiple choices)

  • เร่งตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในหน่วยงานภาครัฐ 69.9%
  • ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2567 ลง 15% ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้     64.8% เท่ากับปี 2566 และทบทวนอัตราภาษีที่ดินฯ ทั้งหมดใหม่
  • เปิดศูนย์บริการ One stop service โดยนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการอนุมัติ 58.3% อนุญาตภาครัฐ
  • ปรับลดอัตราภาษีนำเข้าในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบที่ไม่กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ     44.4%

ภาคอุตสาหกรรมถูกใจการดำเนินงานของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจในปี 2566 เรื่องใด (Multiple choices) 

  • ช่วยเหลือดูแลราคาพลังงาน เช่น ปรับลดค่าไฟ อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล  66.2% และลดราคาน้ำมันเบนซิน
  • การดำเนินการเชิงรุกในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ 49.5%
  • ผลักดันการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 45.4% เช่น โครงการแลนด์บริดจ์, รถไฟความเร็วสูง
  • มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น Free Visa, ส่งเสริม Soft Power 42.1%