เปิดผลเนชั่นโพล "เงินดิจิทัลวอลเล็ต" ได้ใจ "คนรากหญ้า-ว่างงาน"

07 ธ.ค. 2566 | 12:45 น.

เปิดผลสำรวจเนชั่นโพล กับ นโยบาย "เงินดิจิทัลวอลเล็ต" มัดใจ "คนรากหญ้า-ว่างงาน-รับจ้างทั่วไป" ชี้ชัด ปชช. 72.46 % ยัน ช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตก มีเงินลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ ขณะที่ กลุ่มไม่เห็นด้วย กังวลว่า จะทำให้ประเทศเป็นหนี้เพิ่มขึ้น 

วันที่ 7 ธันวาคม 2566 เนชั่นโพล ร่วมกับ สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง "นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท"

โดยดำเนินการสำรวจในช่วงวันที่ 30 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2566 ในกลุ่มประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายใน 6 ภูมิภาค เพศ อายุ อาชีพ และระดับการศึกษาทั่วประเทศ รวมจำนวน 1,222 ตัวอย่าง

เปิดผลเนชั่นโพล \"เงินดิจิทัลวอลเล็ต\" ได้ใจ \"คนรากหญ้า-ว่างงาน\"

การสุ่มตัวอย่างใช้การสุ่มโดยใช้ความน่าจะเป็น ด้วยวิธี Stratified Five-Stage Random Sampling แต่ละตัวอย่างที่ถูกเลือกมีค่าถ่วงน้ำหนัก (sampling weight) ที่แตกต่าง วิธีการสำรวจเป็นการลงพื้นที่สำรวจ 100% ค่าความผิดพลาด (error) ของการสำรวจอยู่ที่ 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% โดยผลการสำรวจ ปรากฎผล ดังนี้

1.เห็นด้วยกับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือไม่ 

ผลสำรวจในภาพรวม พบว่า ประชาชนเห็นด้วย ร้อยละ 72.46 เมื่อวิเคราะห์จำแนกตามเพศ พบว่า มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน เพศชาย ร้อยละ 74.52 และเพศหญิง ร้อยละ 55.76 ขณะที่เพศทางเลือก เห็นด้วย ร้อยละ 55.76  

ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป "เห็นด้วย" มากที่สุด ร้อยละ 78.46 รองลงมา คือ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 46-59 ปี ร้อยละ 73.49 และ ผู้ที่มีอายุ 26-35 ปี ร้อยละ 72.49

เปิดผลเนชั่นโพล \"เงินดิจิทัลวอลเล็ต\" ได้ใจ \"คนรากหญ้า-ว่างงาน\"

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในกลุ่มคนว่างงาน จะเห็นด้วยกับนโยบายนี้ มากที่สุดถึงร้อยละ 90.37 ตามด้วยกลุ่มรับจ้างทั่วไป ร้อยละ 80.82 กลุ่มแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณ ร้อยละ 76.70 และกลุ่มพนักงาน/ลูกจ้างทั่วไป ร้อยละ 76.49 ตามลำดับ

โดยกลุ่มระดับประถมศึกษา หรือ ต่ำกว่า เห็นด้วย ร้อยละ 86.08 มัธยม/ปวช. ร้อยละ 78.24 และ อนุปริญญา/ปวส. ร้อยละ 75.10 

ในขณะที่เมื่อวิเคราะห์โดยจำแนกตามเพศ พบว่า กลุ่มอายุที่ "ไม่เห็นด้วย" มากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 18-25 ปี รองลงมา คือ 36-45 ปี โดยอาชีพที่ไม่เห็นด้วยมากที่สุด คือ ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ รองลงมาคือ นักเรียน/นักศึกษา และประกอบธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย ตามลำดับ ส่วนระดับการศึกษาที่ไม่เห็นด้วยมากที่สุด คือ สูงกว่า ป. ตรี รองลงมา คือ ป. ตรี

2. เหตุผลที่ประชาชน "เห็นด้วย" กับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท  

  • ร้อยละ 46.64 ระบุว่า เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนผ่านภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนี้ไปได้ 
  • ร้อยละ 21.25 ให้เหตุผลว่า เพื่อให้ประชาชนมีเงินไปลงทุน 
  • ร้อยละ 21.40 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยให้ดีขึ้น
  • ร้อยละ 10.71 เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้เมื่อช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาที่ต้องทำให้สำเร็จ 

เปิดผลเนชั่นโพล \"เงินดิจิทัลวอลเล็ต\" ได้ใจ \"คนรากหญ้า-ว่างงาน\"

3.เหตุผลที่ประชาชน "ไม่เห็นด้วย" กับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท  

  • ร้อยละ 31.93 ตอบว่า ทำให้ประเทศเป็นหนี้เพิ่มขึ้น 
  • ร้อยละ 23 เห็นว่า ควรนำงบไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการอื่นที่ทำให้ประชาชน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 
  • ร้อยละ 21.60 เห็นว่า ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง 
  • ร้อยละ 18.74 ระบุว่า เงินดิจิทัลใช้จ่ายยาก ใช้ไม่เป็น ได้มาก็ไม่มีที่จะไปใช้เงิน เพราะสถานที่/แหล่งที่จะใช้จ่ายเงินได้มีจำกัด เช่น ไม่ค่อยมีร้านค้ารับ ไม่สามารถนำเงินดิจิทัลไปจ่ายเป็นค่าเทอมได้ ฯลฯ 
  • ร้อยละ 4.74 ไม่ได้ช่วยอะไรมาก 10,000 น้อยเกินไป/ไม่เพียงพอ 

เปิดผลเนชั่นโพล \"เงินดิจิทัลวอลเล็ต\" ได้ใจ \"คนรากหญ้า-ว่างงาน\"