"ธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุด-สำนักงาน"บูม ชี้ปี 65 รายได้ทะลุ 2.2 หมื่นล้าน

30 ต.ค. 2566 | 03:21 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ต.ค. 2566 | 03:21 น.

"ธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุด-สำนักงาน"บูม ชี้ปี 65 รายได้ทะลุ 2.2 หมื่นล้าน รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นตัว ท่องเที่ยวและอสังหาเติบโต ระบุ9 เดือน ปี 66 แห่จัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 166%

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า ปี 2563 จดทะเบียนจัดตั้ง 137 ราย ทุนจดทะเบียน 282.57 ล้านบาท ปี 2564 จัดตั้ง 150 ราย เพิ่มขึ้น 13 ราย หรือ 9.49% ทุน 334.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.93 ล้านบาท หรือ 18.38% 

ปี 2565 จัดตั้ง 300 ราย เพิ่มขึ้น 150 ราย หรือ 100% ปี 2566 (ม.ค. - ก.ย.) 553 ราย เพิ่มขึ้น 345 ราย หรือ 165.87% โดยม.ค. - ก.ย.65 จัดตั้ง 208 ราย ทุน 1,790.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,183.62 ล้านบาท หรือ 195.04% ขณะที่ม.ค. - ก.ย.65 ทุน 606.86 ล้านบาท

สอดคล้องกับข้อมูลจำนวนการจดทะเบียนอาคารชุดและออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั่วประเทศของกรมที่ดิน ดังนี้ ปี 2563 จดทะเบียนอาคารชุด 221 ราย อนุญาตจัดสรรที่ดิน 759 ราย ปี 2564 อาคารชุด 151 ราย ลดลง 70 ราย หรือ 31.68% จัดสรรที่ดิน 609 ราย ลดลง 150 ราย หรือ 19.77% 

ปี 2565 อาคารชุด 151 ราย คงที่ จัดสรรที่ดิน 793 ราย เพิ่มขึ้น 184 ราย หรือ 30.21% และ ปี 2566 (ม.ค. - ส.ค.) อาคารชุด 80 ราย จัดสรรที่ดิน 555 ราย

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากรายได้รวมและผลกำไรของธุรกิจ พบว่า ปี 2563 ธุรกิจมีรายได้รวม 17,197.97 ล้านบาท ผลกำไรรวม 1,120.16 ล้านบาท ปี 2564 รายได้รวม 15,375.52 ล้านบาท ลดลง 1,822.45 ล้านบาท หรือ 10.60% ผลกำไรรวม 35.82 ล้านบาท ลดลง 1,084.34 ล้านบาท หรือ 96.81% 

"ธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุด-สำนักงาน"บูม ชี้ปี  65 รายได้ทะลุ 2.2 หมื่นล้าน

ปี 2565 รายได้รวม 22,140.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,765.10 ล้านบาท หรือ 44% ผลกำไรรวม 4,751.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,715.56 ล้านบาท หรือ 13,164.60% 

อย่างไรก็ดี การลงทุนในธุรกิจส่วนใหญ่เป็นคนไทย มูลค่าการลงทุน 34,184.03 ล้านบาท คิดเป็น 91.32% ของการลงทุนในธุรกิจทั้งหมด ขณะที่การลงทุนจากต่างชาติสูงสุด คือ ฮ่องกง มูลค่า 462.42 ล้านบาท หรือ1.24% รองลงมา คือ ญี่ปุ่น มูลค่า 391.70 ล้านบาท หรือ 1.05% ,จีน มูลค่า 374.87 ล้านบาท หรือ 1% และอื่นๆ มูลค่า 2,021.75 ล้านบาท หรือ 5.39% 

นายนภินทร กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงานที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีจำนวน 3,818 ราย คิดเป็น 0.44% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ ประมาณ 885,521 ราย และมีมูลค่าทุน 37,434.77 ล้านบาท คิดเป็น 0.17% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทยประมาณ 21.50 ล้านล้านบาท

โดยธุรกิจส่วนใหญ่ดำเนินกิจการในรูปแบบบริษัทจำกัด จำนวน 3,676 ราย หรือ 96.28% และห้างหุ้นส่วนสามัญ/ห้างหุ้นส่วนจำกัด 142 ราย หรือ 3.72% สถานประกอบการส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภาคใต้ จำนวน 1,354 ราย หรือ 35.46% รองลงมา คือ กรุงเทพมหานคร 1,188 ราย หรือ 31.12% ภาคตะวันออก 678 ราย หรือ 17.76% ภาคกลาง 380 ราย หรือ 9.95% ภาคเหนือ 108 ราย หรือ 2.83% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 61 ราย หรือ 1.60% และภาคตะวันตก 49 ราย หรือ 1.28% โดยจังหวัดในภูมิภาคที่มีนิติบุคคลคงอยู่สูงสุด คือ สุราษฎร์ธานี 917 ราย

สำหรับธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงานนั้น เป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรร 

ซึ่งเมื่อโครงการทำการขายคอนโดมิเนียมหรือบ้านจัดสรรไปยังลูกค้าแล้วจะมีการส่งต่อการดูแลธุรกิจพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียมหรือหมู่บ้านจัดสรรให้นิติบุคคล ซึ่งเรียกว่านิติบุคคลอาคารชุด ตาม พรบ.อาคารชุด และนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ตาม พรบ.จัดสรรที่ดิน เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลาง และอำนวยความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัยภายในอสังหาริมทรัพย์นั้น ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจนี้มีการจัดตั้งเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นผลมาจากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 

อย่างไรก็ตามธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงานยังต้องพัฒนาการบริการเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและควรนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินธุรกิจเพื่อลดต้นทุนและสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจต่อไป 

นายนภินทร กล่าวอีกว่า หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างชัดเจน ผู้บริโภคดำเนินชีวิตและกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการจับจ่ายใช้สอยกันตามปกติ 

รวมถึงเริ่มมองหาและขยายที่อยู่อาศัย ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจากกรมที่ดินพบว่า อสังหาริมทรัพย์อาคารชุดช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2566 มีการโอนขายแล้วกว่า 53,000 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงานมีแนวโน้มการจัดตั้งเพิ่มสูงขึ้นเพื่อรับช่วงดูแลและบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรรต่อจากบริษัทผู้พัฒนาโครงการหรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์