"CEA-ปตท." ดัน "Content Lab" หนุนคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดสากล

28 ก.ย. 2566 | 06:30 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ย. 2566 | 06:30 น.

"CEA-ปตท." ดัน "Content Lab" หนุนคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดสากล ยกระดับทักษะการใช้เทคโนโลยีให้กับนักผลิต ปักธงไทยก้าวสู่ Creative Hub ในอาเซียนและเอเชีย จ่อคิวเพิ่มหลักสูตร Script Writing ขยายพื้นที่จัดกิจกรรม

ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ CEA เปิดเผยว่า CEA ได้ดำเนินการร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พัฒนาคอนเท้นต์ไทยไปสู่ระดับสากล ภายใต้โครงการ Content Lab

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับการใช้เทคโนโลยีให้กับนักผลิตคอนเทนต์ เสริมศักยภาพคนรุ่นใหม่ป้อนอุตสาหกรรมคอนเทนต์ต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มเพิ่มหลักสูตร Script Writing ขยายพื้นที่จัดกิจกรรม และขยายสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อให้ไทยก้าวสู่ Creative Hub ในอาเซียนและเอเชีย

สำหรับโครงการ Content Lab ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการบูรณาการความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศในการผลักดันอุตสาหกรรมคอนเทนต์ให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เติบโตได้อย่าง มีประสิทธิภาพ 

รวมถึงตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมคอนเทนต์สาขาภาพยนตร์และซีรีส์ ด้วยการสร้างคอนเทนต์ใหม่ และพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เสริมด้วยความเข้าใจกลไก การทำงานทั้งระบบ ตั้งแต่การพัฒนาคอนเทนต์  ไปสู่ความรู้ด้านการตลาดทั้งในประเทศและระดับสากล รวมทั้งการต่อยอดผลงานจากโครงการสู่การเจรจาทางธุรกิจเพื่อการผลิตออกสู่ตลาดสากล

ดร.ชาคริต กล่าวอีกว่า แผนการจัดโครงการ Content Lab ในครั้งต่อไป CEA จะนำข้อเสนอแนะจากการจัดในปีนี้ มาพัฒนาหลักสูตรการบ่มเพาะให้เข้ากับความต้องการของอุตสาหกรรมคอนเทนต์มากขึ้น รวมทั้งการขยาย หลักสูตรที่ลงลึกในแต่ละสาขา เช่น Script Writing สำหรับนักเขียนบทโดยเฉพาะ การเพิ่มเติมหลักสูตร สำหรับกลุ่มแอนิเมชัน

"CEA-ปตท." ดัน "Content Lab" หนุนคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดสากล

นอกจากจากนี้ ยังมีเป้าหมายขยายพื้นที่การจัดโครงการ ไปยังต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับนักผลิตคอนเทนต์ในวงกว้าง รวมทั้งการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ด้วยการเชื่อมต่อ โปรแกรมการอบรมผ่าน Virtual Media Lab ที่จะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ ที่ชั้น 4 TCDC กรุงเทพฯ 

“โครงการ Content Lab จะเป็นแพลตฟอร์มผลักดันอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทย ให้ขายได้ยกระดับให้ก้าวสู่ตลาดสากล จากพลังของการสร้างสรรค์ผ่าน Soft Power พร้อมขยายผลสู่ตลาดต่างประเทศ อาทิ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เป็นต้น ดึงการจัดกิจกรรม Business Matching ไปสู่ International Content Market โดยเริ่มจากตลาดอาเซียน และประเทศสำคัญในตลาดเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฯลฯ” 

นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า ปตท. ในฐานะพันธมิตรหลักของโครงการ Content Lab และเป็นแกนหลักในกลุ่มดิจิทัลคอนเทนต์ ได้เปิดโอกาสให้นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป มีโอกาสเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีประกอบการสร้างสรรค์ผลงานผ่านการอบรม 

และ Workshop แบบเข้มข้น เสริมทักษะด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ Virtual Production, AR/XR, AR location base, CG, 3D Model ฯลฯ จากผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าในสาขาต่าง ๆ ของเมืองไทย พร้อมสัมผัสประสบการณ์การทำงาน ใน XR Studio ชั้นนำของประเทศ เช่น Supreme Studio และ L&EStudio ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการฯ กลุ่มดิจิทัลคอนเทนต์จะได้พัฒนาความรู้และประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล สามารถสร้างผลงานที่ผสมผสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย พร้อมสำหรับการต่อยอดทางธุรกิจได้จริง 

"ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เน้นหลัก Soft Power กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับสู่ประเทศไทย โดย ปตท. มุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนศักยภาพเยาวชนไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สนับสนุนการผลิตผลงานคุณภาพ และยกระดับขีดความสามารถ การแข่งขันของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่มาตรฐานสากล เพื่อนําประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Creative Hub ของภูมิภาคอาเซียน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต"

สำหรับผู้ผ่านคอร์สอบรมเข้มข้นจนผ่านเข้ารอบสุดท้าย มีจำนวน 19 ทีม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

  • กลุ่มภาพยนตร์และซีรีส์ (Film & Series) จำนวน 13 ทีม ที่ได้มีโอกาสร่วม Business Matching กับสตูดิโอ ค่ายหนัง ผู้ผลิตภาพยนตร์และซีรีส์ และสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มชั้นนำในระดับประเทศ และต่างประเทศกว่า 26 ค่าย อาทิ WeTV, Netflix, Amazon Studios, iQIYI (Thailand), บริษัท จีเอ็มเอ็ม สตูดิโอส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด, GMMTV, บริษัท เนรมิตรหนังฟิล์ม จํากัด, บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด, บริษัท GDH 559 จํากัด, บริษัท วัน สามสิบเอ็ด จํากัด, บริษัท บีอีซีสตูดิโอ จํากัด, Workpoint, Thai PBS, GroupM Motion Entertainment, The Monk Studios ฯลฯ 
  • กลุ่มดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) นำเสนอภายใต้โจทย์ Meaningful Travel ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ โดยมีผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจำนวน 6 ทีม โดยแต่ละทีมได้นำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการในสาขาต่าง ๆ