นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงระหว่างความคิดสร้างสรรค์ ทรัพย์สินทางปัญญา ความรู้ และเทคโนโลยี ได้มีบทบาทต่อการพัฒนาประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย UNESCO ระบุว่า ในปี 2019 เศรษฐกิจสร้างสรรค์มีมูลค่า 3.891 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น3.1% ของ GDP ทั่วโลก
เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปี 2005 และมีการจ้างงานประมาณ6.2%ของการจ้างงานทั่วโลก และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ยังมีส่วนสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) หลายเป้าหมาย อาทิ เป้าหมายที่ 1 ขจัดความยากจน เป้าหมายที่ 8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเป้าหมายที่ 9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม
โดยในปัจจุบันทุกประเทศต่างตระหนักถึงความสำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง จึงมีแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันออกไป โดยแนวทางที่หลายประเทศนำมาใช้ คือ การจัดทำยุทธศาสตร์หรือนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
อาทิ ออสเตรเลีย มีนโยบาย Creative Australia ที่สนับสนุนเงินทุน สิทธิประโยชน์ และการสร้างความร่วมมือกับศิลปิน ผู้ประกอบการและองค์กรศิลปะต่าง โดยมุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อทำให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย หรือบางประเทศได้จัดตั้งองค์กรที่มีภารกิจสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยเฉพาะ อาทิ สหรัฐอเมริกาจัดตั้งองค์กร National Endowment for the Arts (NEA) ที่สนับสนุนแนวคิดและพัฒนาในเชิงสร้างสรรค์ให้กับทุกคนในประเทศ เพื่อที่จะได้รับประโยชน์จากศิลปะและวัฒนธรรม
“ขณะที่บางประเทศ มีการสนับสนุนมาตรการทางการเงิน โดยจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนเงินทุนให้แก่อุตสาหกรรมและผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สกอตแลนด์ จัดตั้งกองทุน Production Growth Fund เพื่อสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ และให้เงินทุนให้แก่ Creative Scotland เพื่อสนับสนุนด้านศิลปะ ภาพยนตร์และโทรทัศน์ และงานสร้างสรรค์ และเนเธอร์แลนด์ จัดตั้งกองทุน Creative Industries Fund NL เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการออกแบบ ด้านสถาปัตยกรรม ด้านวัฒนธรรมดิจิทัล (Digital Culture) และสื่อผสมหลายประเภท (Crossovers) โดยสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรม ผู้ประกอบการ และการมีส่วนร่วมของสังคม”
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงความสำคัญและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการให้นำความคิดสร้างสรรค์ ทรัพย์สินทางปัญญา ความรู้ และเทคโนโลยี มาพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังทำงานบูรณาการร่วมกัน ในการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล และอาจนำแนวทางของต่างประเทศมาต่อยอดประยุกต์ให้สอดรับกับบริบทของไทย เพื่อพัฒนาทักษะของผู้ประกอบการและแรงงาน ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของไทย