จับขบวนการค้ายาบ้าล็อตใหญ่ภาคอีสาน ยึดของกลางมูลค่ากว่า 300 ล้าน

13 มิ.ย. 2566 | 10:14 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มิ.ย. 2566 | 10:27 น.

บก.ปส.2 จับขบวนการค้ายาบ้าภาคอีสาน ยึดของกลางได้กว่า 10 ล้านเม็ด มูลค่า 300 ล้านบาท แจงยิบเบื้องหลังก่อนจับกุม

พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 (ผบก.ปส.2) เปิดเผยว่า จากเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ได้ร่วมกันจับกุมยาบ้าได้ผู้ต้องหาจำนวน 5 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1.9 ล้านเม็ด และยาอี 50,000 เม็ด ได้ที่บริเวณถนนไม่มีชื่อในตำบลโพสะ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ บก.ขส.บช.ปส.ได้ทำการขยายผลจนทราบว่ายังมีกลุ่มผู้ลักลอบกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ติดตามเฝ้าระวังเครือข่ายนี้ และต่อมาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.2 และ บก.ขส.บช.ปส. ได้พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายนี้ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปส่งในพื้นที่ จังหวัดสระบุรี โดยมี นายบุญครอง กนกหงษา ผู้ต้องหาที่ 1 และน.ส.ธิดา บุญสูงเนิน ผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่ขับรถยนต์ปิคอัพ ยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน บจ 4926 บึงกาฬ

พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2

ทั้งนี้ได้ขนยาเสพติดจาก อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร โดยที่กระบะท้าย บรรทุกยาบ้า จำนวน 19 กระสอบ มีการอำพรางโดยติดคอกเหล็กที่กระบะหลังในลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นการบรรทุกสิ่งของทั่วไปแล้วคลุมด้วยผ้ากันฝนและปกคลุมผ้าสแลนสีดำอีกชั้นเพื่อนำไปเก็บไว้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งใน อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เพื่อรอส่งให้ลูกค้า

โดยได้รับการติดต่อจาก น.ส.บุหลัน คำสุนา ผู้ต้องหาที่ 4 ให้ไปขับรถยนต์ที่บรรทุกยาเสพติดไว้พร้อมแล้ว ซึ่งจะจอดทิ้งไว้บริเวณป่าช้าบ้านพุทธรักษา ตำบลสะอาด อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร ซึ่ง น.ส.บุหลัน ฯ ผู้ต้องหาที่ 4 และนายมะณูน สิงห์สถิตย์ผู้ต้องหาที่ 3 ขับรถยนต์ของกลางหมายเลขทะเบียน บธ 3132 นครพนม ทำหน้าที่สำรวจเส้นทางจาก อำเภอบ้านม่วง สกลนคร จนถึงจุดจับกุม

จับขบวนการค้ายาบ้าล็อตใหญ่ภาคอีสาน ยึดของกลางมูลค่ากว่า 300 ล้าน

ขบวนการลักลอบลำเลียงยาบ้าของเครือข่าย กลุ่มนี้ มีผู้ต้องหาที่ 1 และ ผู้ต้องหาที่ 2 (สามีภรรยา) ทำหน้าที่ขับรถที่ใช้ซุกซ่อนยาเสพติด ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 และผู้ต้องหาที่ 4 (สามีภรรยา) ทำหน้าที่ขับรถนำสำรวจเส้นทาง โดยรถในขบวนการครั้งนี้จะได้รับค่าน้ำมันในการลำเลียงยาเสพติด คันละ 50,000 บาท การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สะกดรอยติดตามมาโดยตลอด กระทั่งเวลาประมาณ 10.45 น. ของวันที่ 7 มิถุนายน 2566 พบว่ารถคันหมายเลขทะเบียน บจ 4926 บึงกาฬ ที่บรรทุกยาเสพติด ได้เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน บางจาก สาขา ม.14 ต.ขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ขาเข้ากรุงเทพฯ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ของกลางเป็นยาเสพติดที่รถยนต์คันดังกล่าว

จับขบวนการค้ายาบ้าล็อตใหญ่ภาคอีสาน ยึดของกลางมูลค่ากว่า 300 ล้าน

ขณะเดียวกันชุดปฏิบัติการอีกชุดหนึ่ง ได้ติดตามรถนำคันหมายเลขทะเบียน บธ 3132 นครพนม และได้ทำการควบคุมตัวนายมะณูนฯ ผู้ต้องที่ 3 และ น.ส.บุหลัน ฯ ผู้ต้องหาที่ 4 ได้ที่บริเวณถนนมิตรภาพ ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จากนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจลายพิมพ์นิ้วมือแฝงผู้ต้องหา ตรวจรถยนต์และยาเสพติดของกลาง และนำส่ง พงส.บก.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ได้ของกลาง จำนวน 4 รายการ คือ  ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 10 ล้านเม็ด มีมูลค่า 300 ล้านบาท รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนด์ทะเบียน บจ 4926 บึงกาฬ จำนวน 1 คัน (รถลำเลียงยาเสพติด) รถยนต์ปิคอัพ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน บธ 3132 นครพนม จำนวน 1 คัน (รถนำสำรวจเส้นทาง) พร้อมโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง

จับขบวนการค้ายาบ้าล็อตใหญ่ภาคอีสาน ยึดของกลางมูลค่ากว่า 300 ล้าน

พล.ต.ต.ธนรัชน์ กล่าวอีกว่า ในแนวทางการปราบปรามยาเสพติดของ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 นั้น จะเร่งดำเนินการปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ที่มีเป้าหมายในเขตที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสานและภาคตั้งวันออก เพื่อการปราบปรามทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด ซึ่งมีแนวทางการดำเนินการ การสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ เพื่อไม่ให้เข้าสู่ประเทศและถูกใช้เป็นเส้นทางนำผ่านไปยังประเทศที่สาม และการปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเข้มงวด เพื่อให้สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติดต่อไป