IVL เล็งนำธุรกิจในเครือทำ IPO ตลาดหุ้นสหรัฐ ระดมทุน 1 พันล้านดอลลาร์

17 มี.ค. 2566 | 08:06 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2566 | 08:17 น.

สื่อนอกเผย บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ของไทย กำลังพิจารณานำบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจการผลิตออกไซด์แบบบูรณาการและอนุพันธ์ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ

 

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) ซึ่งเป็น บริษัทเคมีภัณฑ์ของไทย กำลังพิจารณานำบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจการผลิตออกไซด์แบบบูรณาการและอนุพันธ์ (Integrated Oxides and Derivatives) เข้าจดทะเบียนใน ตลาดหุ้นสหรัฐ เพื่อเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในการระดมทุนมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์

แหล่งข่าวระบุว่า IVL กำลังประสานงานกับกลุ่มที่ปรึกษาด้านการเงินเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดภายในปี 2566 นี้ โดยการทำ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของ IVL และลดภาระหนี้สิน

แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า การพิจารณาทำ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ IVL อาจจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้ นอกจากนี้ ยังอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่าง ๆ เช่นในเรื่องของมูลค่าและเวลาของการทำ IPO

สื่อนอกเผย IVL เล็งนำธุรกิจในเครือทำ IPO ตลาดหุ้นสหรัฐ ระดมทุน 1 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ของ IVL ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าวของบลูมเบิร์ก

เว็บไซต์ของ IVL ระบุว่า IVL มีธุรกิจในประเทศต่าง ๆ จำนวน 35 ประเทศ และมีรายได้รวมในปี 2564 อยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยธุรกิจการผลิตออกไซด์แบบบูรณาการและอนุพันธ์ของ IVL นั้น เป็นผู้ผลิตสารมัธยันตร์ (chemical intermediates) และสารลดแรงตึงผิว (surfactants) ซึ่งสารเหล่านี้ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, เคมีภัณฑ์ในอุตสาหกรรมการเกษตร, เทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน และเชื้อเพลิง โดยธุรกิจเหล่านี้มีสัดส่วนประมาณ 35% ของรายได้ในปี 2565 ของ IVL

รายงานระบุว่า IVL ได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจการผลิตเอธีลีน ออกไซด์ (ethylene oxide) ในปี 2555  เมื่อ IVL ได้เข้าซื้อธุรกิจการผลิตเอธีลีนจากบริษัทโอล เวิล์ด อินดัสทรีส์ (Old World Industries) ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐอเมริกา ในวงเงิน 795 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายกิจการผ่านการรุกซื้อธุรกิจอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการซื้อบริษัทอ็อกซีเทโน (Oxiteno) ของบราซิล จากบริษัทอัลทราพาร์ พาร์ติพิคาโคส เอสเอ (Ultrapar Participacoes SA) ในวงเงิน 1.3 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่ผ่านมา (2565)

ข้อมูลอ้างอิง