ปรากฏการณ์แห่งปี คริปโตล่มสลาย ท่องเที่ยวฟื้น-แจ้งเกิด EV

28 ธ.ค. 2565 | 22:00 น.

3 ปรากฏการณ์เขย่าโลกธุรกิจ ปี 2565 การล่มสลายของคริปโต ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว ติดอันดับ 1 ของโลก การแจ้งเกิดของรถ EV หลังรัฐคลอดแพกเกจหนุนเงิน-ลดภาษี

แม้ปี 2565 ภาคธุรกิจ ต้องเผชิญกับปัญหารุมเร้า “วิกฤติซ้อนวิกฤติ” ทั้งการระบาดของโควิด-19 ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาการว่างงาน ปัญหาด้านพลังงาน แต่ธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อจนผ่านพ้นปี ซึ่ง “ฐานเศรษฐกิจ” คัดสรร 3 ปรากฏการณ์สำคัญทั้ง “การล่มสลายของคริปโต-การเพิ่มขึ้นแบบทะลุทะลวงของนักท่องเที่ยว-การแจ้งเกิดของรถ EV” มานำเสนอ ดังนี้    

 

ปีแห่งวิกฤติ-ล่มสลายคริปโต

 

ปี 2565  เป็นปีที่มีกระแสข่าวลบต่อความเชื่อมั่นวงการคริปโตมากสุด   จนทำให้ “คริปโต” เข้าสู่ภาวะตลาดหมี  ตลาดคริปโตได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปี  โดยต้องเผชิญภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก ตลอดจนนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่ส่งผลกระทบตลาดลงทุนถ้วนหน้า   

 

สัญญาณสู่การล่มสลายของคริปโตที่แท้จริง เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพ.ค. ที่โปรเจ็กต์ใหญ่อย่าง LUNA  ของ Do Kwon เจ้าของโปรเจ็กบล็อกเชน Terra ทำเหรียญ Stablecoin อย่าง UST ก็ล้มลง ส่งผลกระทบในวงกว้างเพราะหลายบริษัทโดยในเดือนก.ค.   Three Arrows Capital  หรือ  3AC  ที่ไปลงทุนใน Luna Foundation Guard (LFG) ก็ขาดสภาพคล่องจนยื่นล้มละลาย 

ปรากฏการณ์แห่งปี คริปโตล่มสลาย ท่องเที่ยวฟื้น-แจ้งเกิด EV

เพราะมูลค่าสินทรัพย์ที่หายไปจากราคาคริปโตที่ดิ่งลงอย่างหนักและยังส่งผลโดมิโน เอฟเฟ็กต์ ล่ามไปถึง  Voyager Digital กระดานเทรดคริปโต ยื่นขอล้มละลาย เพราะ 3AC ผิดนัดชำระหนี้ และ Celsius แพลตฟอร์มให้กู้ยืมคริปโต ได้ยื่นขอล้มละลาย

 

ปรากฏการณ์การล่มสลายของ LUNA  ลามมาถึงประเทศไทย โดยเมื่อวันที่  20  ก.ค. 65  Zipmex Thailand ผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่   ระงับการถอนเงินบาทและคริปโตชั่วคราว ในบริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล  “ZipUp+”  หลัง Zipmex สิงคโปร์ นำสินทรัพย์ดิจิทัลไปลงทุนกับ Babel Finance และ Celsius Network ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง  ทำให้ไม่สามารถนำทรัพย์มาคืนกับลูกค้าในไทยที่มีมากถึง 60,000-70,000 ราย ได้ โดยคิดมูลค่าความเสียหายเฉียด 2,000 ล้านบาท 

 

ตลาดคริปโตไทยเกิดข่าวช็อควงการอีกครั้ง  เมื่อส.ค. 65  แบงก์ใหญ่อย่าง SCBX ล้มดีลซื้อหุ้นในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) จาก บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ในสัดส่วน 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ Bitkub คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท  หลังจากที่ยานแม่ที่เริ่มประกาศเริ่มต้นดีลนี้มาตั้งแต่เดือน พ.ย.64 เพื่อต้องการต่อจิ๊กซอร์ธุรกิจไปสู่เทคคอมพานี 

 

อย่างไรก็ตามดีลดังกล่าวใช้เวลาสอบทานธุรกิจกันอยู่นานท้ายสุด Deal ไม่ Done  เพราะ Bitkub ยังมีประเด็นคงค้างที่ต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและสั่งการของ กลต. ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องระยะเวลาในการหาข้อสรุปดังกล่าว ผู้ซื้อและผู้ขายจึงได้ตกลงร่วมกันที่จะยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้

           

ตลาดคริปโตมาปั่นป่วนอีกครั้ง  เมื่อเกิดเหตุการณ์ Black Swan ที่เครือข่าย FTX ล่มสลาย ทำให้ตลาดคริปโตร่วงอีกทั้งกระทบแพลตฟอร์มการเงินกระจายศูนย์อื่นด้วย  แม้ “ฉาง เผิง จ้าว” ผู้ก่อตั้ง Binance จะพยายามเข้าช่วยเหลือเพื่อพยุงอุตสาหกรรมเอาไว้  แต่ก็ยกเลิกดีลซื้อขายกิจการในท้ายที่สุด ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับสถานะการเงินของบริษัทและปัญหาสภาพคล่องของแพลตฟอร์มเกินกว่าที่ Binance จะควบคุมได้

 

ปรากฎการณ์ FTX ล่มสลาย  กำลังส่งผลโดมิโน่ เอฟเฟ็ก สร้างความสั่นสะเทือนความเชื่อมั่นให้ตลาดคริปโต  อย่างไรก็ตามมุมมองกูรูเชื่อว่า “ตลาดคริปโตยังมีอนาคต” เหตุการณ์ฟองสบู่แตกที่เกิดขึ้น จะกรองผู้ให้บริการ ที่ไม่มีระบบตรวจสอบ  ไม่มีความน่าเชื่อถือและโปร่งใส  รวมถึงแพลตฟอร์มที่ไม่มีบิสซิเนสโมเดลชัดเจนออกไป   เหลือแต่ผู้ให้บริการที่มีความแข็งแกร่ง  น่าเชื่อถือ และโปร่งใสเท่านั้น

 

ท่องเที่ยวฟื้นทะลุเป้า ปีหน้าได้ตลาดจีนหนุน

 

การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่มีข้อจำกัดในการเดินทางเข้าไทย ตั้งแต่ 1 พ.ค.65 และการปรับตัวของผู้คนในการใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19  ประกอบกับประเทศคู่แข่งของไทยเพิ่งทยอยเปิดประเทศเมื่อช่วงปลายปี และแรงขับเคลื่อนจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และอานิสงส์วันหยุดยาวหลายช่วง ส่งผลให้การท่องเที่ยวของไทยในปี 65 ฟื้นตัวเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้

ปรากฏการณ์แห่งปี คริปโตล่มสลาย ท่องเที่ยวฟื้น-แจ้งเกิด EV

โดยองค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) จัดอันดับการฟื้นตัวทางการท่องเที่ยวของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยประเทศไทย เป็นอันดับ 1 ด้านจำนวนการจองห้องพัก และเป็นอันดับ 2 ด้านความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว จาก 10 อันดับประเทศท่องเที่ยวโลก

 

ปัจจุบันไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุเป้าหมาย 10 ล้านคนไปแล้ว และจากโมเมนตั้มการเดินทางเข้าไทยตลอดทั้งเดือนธ.ค.ซึ่งอยู่ที่ 7.2 หมื่นคนต่อวัน ในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 11.5 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทย (ณ วันที่ 1 ม.ค.-20 ธ.ค.65)ได้แก่ มาเลเซีย 1.78 ล้านคน อินเดีย 9.14 แสนคน ลาว 7.89 แสนคน กัมพูชา  5.55 แสนคน และสิงคโปร์  5.55 แสนคน 

            

ขณะเดียวกันหลังโควิด-19 ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างตลาดนักท่องเที่ยวเข้าไทย โดยเฉพาะในปีนี้การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบียในรอบ 32 ปี ทำให้ไทยมีนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียเข้ามาแล้วมากกว่า 9.3 หมื่นคน การหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ จากตะวันออกกลาง รวมถึงอเมริกาเหนือ อย่างแคนาดา 

 

รวมถึงวิกฤตพลังงานทำให้ตั้งแต่ปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปีหน้ามีนักท่องเที่ยวจากยุโรปหนีหนาวมาเที่ยวไทยต่อเนื่อง  เพราะการเดินทางมาเที่ยวไทยค่าใช้จ่ายก็ยังถูกกว่าค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่นักท่องเที่ยวจ่ายอยู่ในต่างประเทศ และในยุโรปก็หนาวมาก คนก็อยากหนีหนาวมาเที่ยว

            

ขณะที่การเดินทางเที่ยวในประเทศของคนไทยในปี 65 ก็ขยายตัวสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ไปแล้ว โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 พ.ย.65 มีการเดินทางเที่ยวในประเทศของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (นักทัศนาจร-นักท่องเที่ยวพักค้างคืน) รวมแล้ว 227 ล้านคน-ครั้ง  เกินจากปี62 ซึ่งมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยอยู่ที่ 222 ล้านคน-ครั้ง และหากรวมกับเดือนธ.ค.ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 34 ล้านคน-ครั้ง ก็คาดว่าตลอดทั้งปี 65 จะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยสูงถึง 250-260 ล้านคน-ครั้ง

            

การเดินทางเที่ยวในประเทศของคนไทยในปีนี้ที่เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จุดหลักมาจากในช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศยังไม่เปิดเต็มที่ เพิ่งมาเปิดไม่นาน ทำให้คนไทยเดินทางไปต่างประเทศก็เดินทางเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น  

 

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวในปี 66 ททท.จะผลักดันการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าจะดึงรายได้ท่องเที่ยวคืนมาที่ 80% อยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท  เทียบกับปี 2562 ภายใต้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน(ไม่รวมจีน) แต่ล่าสุดจีนเปิดประเทศเริ่มตั้งแต่ 8 มกราคม2566ก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเที่ยวไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน ทำให้ภาพรวมไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน และเกิดการเดินทางเที่ยวในประเทศของคนไทยไม่น้อยกว่า 10% ของปีก่อน

 

โดยในปีหน้าก็จะเป็นปีที่คนไทยหันกลับไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เพราะทุกประเทศต่างก็เปิดรับนักท่องเที่ยวโดยไม่มีข้อจำกัดเหมือนในอดีต ททท.ก็ต้องเน้นกระตุ้นเที่ยวในประเทศต่อเนื่อง รวมถึงโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ที่รัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายห้องพักให้ 4-5 แสนสิทธิน่าจะเริ่มใช้ได้ในปีหน้า

 

ทั้งททท.จะใช้โอกาสที่รัฐบาลประกาศให้ปี 2565-2566 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว ปรับโฉมการท่องเที่ยวไทยสู่นิวแชปเตอร์ เน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ อาทิ กลุ่มรักษาพยาบาล กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ทำให้การท่องเที่ยวมีความหมาย  ดึงกลุ่มกำลังซื้อสูงและนิซมาร์เก็ต

 

EV จีนสุดคึก รับแพกเกจฮันนีมูนรัฐบาล

 

รอบปีที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยคือ การเปิดโครงการสนับสนุนให้เกิดการใช้ EV ในระยะเร่งด่วน (พ.ศ.2565-2568) ของรัฐบาล โดยให้เงินสนับสนุนผู้ซื้อคันละ 1.5 แสนบาท ไม่รวมสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ซึ่งส่งผลให้ EV จากราคาปกติ 1 ล้านบาท ได้รับส่วนลดรวมกว่า 2 แสนบาท

 

สำหรับค่ายรถยนต์ที่เข้าโครงการนี้มีทั้ง โตโยต้า,เอ็มจี เกรท วอลล์ มอเตอร์,เนต้า, บีวายดี รวมถึงแบรนด์คนไทย ไมน์ ในเครือบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA (กลุ่ม EV ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท) ซึ่งต้องแลกมาด้วยเงื่อนไขแบบ “ยื่นหมูยื่นแมว” คือต้องมีแผนผลิตในประเทศคืน ให้ได้จำนวนเท่ากับที่นำเข้ามา ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

 

จากปรากฏการณ์นี้ ทำให้คนไทยแห่จอง EV เป็นจำนวนมาก โดย 2 ค่ายที่มีรถทำตลาดเป็นรายแรกๆ อย่าง เอ็มจี และ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผ่านไปครึ่งปี 2565 มียอดค้างส่งมอบรวมกันกว่า 9,000 คัน และต้องหยุดรับจองไปชั่วคราว ก่อนที่จะกลับมาเปิดให้จอง MG ZS EV และ ORA Good Cat อีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา (MG EP ยังไม่เปิดรับจองเพิ่ม ขณะที่ ORA Good Cat แค่เปิดให้จองสิทธิ์ซื้อ เพราะไม่สามารถประกาศราคาใหม่ได้ เนื่องจากยังไม่ได้รับการอนุมัติจากบอร์ด EV)

 

โดยเอ็มจีมียอดส่งมอบ EV รวม 3 รุ่นคือ MG ZS EV,MG EP และ MG 4 อยู่ที่ 4,000 คัน ในส่วนของยอดค้างส่งมอบ และมีแผนจะเคลียร์ให้ครบภายในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ 2566 

 

ส่วนคำสั่งจอง ORA Good Cat ที่มีอยู่ในขณะนี้ บริษัทมีรถอยู่ในประเทศไทยทั้งหมดแล้ว และพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าภายในปีนี้อย่างแน่นอน

 

“ส่วนแฟนๆ ที่รอคอยการกลับมาของ ORA Good Cat เราจะเปิดให้จองสิทธิในราคาใหม่ สำหรับการส่งมอบรถยนต์รอบใหม่จำนวน 2,000 คัน ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ถึง 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งเราคาดว่าจะส่งมอบรถทั้งหมดได้ภายใน 31 มีนาคม 2566” นายณรงค์ กล่าว

 

ส่วนยักษ์ใหญ่ BYD โดยดิสทริบิวเตอร์ เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว ATTO 3 ราคาเริ่มต้น 1,099,000 บาท และ 1,199,900 บาท กวาดยอดจองไปถึง 1 หมื่นคัน และปิดรับจองไปเรียบร้อยแล้ว

 

นอกจากแบรนด์จีนแล้ว โตโยต้ายังนำเข้า Toyota bZ4X จากญี่ปุ่นมาเปิดตัวในไทยด้วยราคา 1.836 ล้านบาท (รวมส่วนลดรัฐบาล) แต่ปิดรับจองไปแล้วเช่นกัน

 

นอกจากนี้ ยังมี Tesla จากสหรัฐอเมริกา ที่บริษัทแม่กระโดดลงมาลุยธุรกิจในไทยด้วยตนเอง ด้วยการนำเข้า Tesla Model 3 และTesla Model Y มาจากจีนในราคาเริ่มต้น 1.759 ล้านบาท และ 1.959 ล้านบาท พร้อมส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566

 

อย่างไรก็ตาม Tesla ไม่มีแผนตั้งโรงงานประกอบในไทย จึงไม่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล

 

จากปรากฏการณ์ EV ที่เกิดขึ้น ด้วยแรงสนับสนุนของรัฐบาล และการใช้ช่องทาง FTA นำเข้า EV จากจีนมาถล่มตลาดในไทย คาดว่ายอดจดทะเบียน EV ปี 2565 จะเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 1 หมื่นคัน สูงกว่าปี 2564 ที่มีจำนวนกว่า 2,000 คัน