JWD มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส รับแผนเปิดคลังสินค้าในภูมิภาค AEC เพิ่ม
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง หลังจากได้ปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาสการดำเนินธุรกิจและการขยายโครงการใหม่ ที่พร้อมเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้แก่ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง โดยในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาได้เปิดให้บริการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์พื้นที่ 6,900 ตารางเมตร รองรับการจัดเก็บและกระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้จะมีผู้เช่าพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 50%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนขยายธุรกิจไปในภูมิภาคอาเซียนตามแผนงานเดิม เพื่อรับโอกาสการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยได้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทศรีไทย จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ LINK ASIA LOGISTICS เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนในอาเซียนตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งจะรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน ขณะเดียวกัน จะเปิดให้บริการคลังสินค้าในประเทศกัมพูชา ขนาดพื้นที่ 4,428 ตารางเมตร และที่เมียนมาร์จะขยายพื้นที่คลังสินค้าอีก 3,300 ตารางเมตร ส่งผลให้ ณ สิ้นปีนี้จะมีพื้นที่คลังสินค้าโดยรวมที่ตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มขึ้นเป็น 9,448 ตารางเมตร
ส่วนไตรมาส 1/60 JWD มีแผนเปิดให้บริการคลังสินค้าแห่งใหม่ใน สปป.ลาว มีพื้นที่เพิ่มอีก 3,354 ตารางเมตร จากเดิมที่มีอยู่ 720 ตารางเมตร ส่งผลให้ปี 2560 บริษัทฯ จะมีพื้นที่คลังสินค้าในกลุ่มประเทศ CLMV รวมกว่า 12,800 ตารางเมตร ซึ่งจะส่งผลดีต่อการให้บริการแก่ลูกค้าในภูมิภาคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลดีต่ออัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2559-2561) ที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 7%
ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของ 2559 คาดว่าจะชะลอตัวลง เนื่องจากประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/59 (เมษายน-มิถุนายน) มีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้จากผลกระทบการนำเข้าและส่งออกสินค้าที่ชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง ที่ได้รับผลกระทบจากการทำประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ ส่งผลให้ไทยถูกจัดอยู่ในบัญชีกลุ่มที่ 3 (Tier 3) กระทบยอดการส่งออกสินค้าประมงไทย ก่อนได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นในปัจจุบัน
ขณะที่ธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าทั่วไป มีการปิดพื้นที่คลังสินค้า 2 แห่งในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อดำเนินการปรับปรุงเป็นศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ (JCS) นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาธุรกิจเพิ่มขึ้นเพื่อให้บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตและขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ตามแผนที่วางไว้