มูลค่าส่งออกไทย มิ.ย. 59 หดตัวเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.1 YoY จากแรงหนุนการส่งออกรถยนต์และทองคำ
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์เรื่อง มูลค่าส่งออกไทย มิ.ย. 59 หดตัวเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.1 YoY จากแรงหนุนการส่งออกรถยนต์และทองคำ
ปี 2559 ถือเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับการส่งออกของไทย เนื่องจากต้องเผชิญกับหลายปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงกดดันมูลค่าการส่งออก เช่น ภาวะราคาน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ยังคงไม่ฟื้นตัว เป็นต้น สะท้อนจากมูลค่าส่งออกครึ่งแรกของปี 2559 หดตัวลงราวร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การส่งออกในครึ่งปีหลังน่าจะหดตัวมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีความเสี่ยงจาก Brexit เพิ่มขึ้น กดดันมูลค่าส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกสินค้าของไทยทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ -2.0 YoY (โดยมีกรอบประมาณการที่ร้อยละ -3.0 ถึง -1.0 YoY)
การส่งออกเดือนมิ.ย. 2559 ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่มีแนวโน้มดีขึ้น เพราะได้อานิสงส์จากการขยายตัวของการส่งออกรถยนต์และทองคำ การส่งออกในเดือนมิ.ย. มีมูลค่าราว 18,146 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวเล็กน้อยราวร้อยละ 0.1 YoY แต่หากไม่รวมมูลค่าส่งออกทองคำ มูลค่าส่งออกติดลบราวร้อยละ 3.5 YoY นอกจากนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้การส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น ยังมาจากการขยายตัวของการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26.6 YoY โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์นั่งที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 73.3 YoY ตามความต้องการของตลาดออสเตรเลีย และจีน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งที่ทำให้การส่งออกรถยนต์ในเดือนนี้ขยายตัวสูงมาจากปัจจัยชั่วคราวจากฐานที่ต่ำในปีแล้ว ซึ่งมูลค่าส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบในเดือนมิ.ย. 2558 หดตัวร้อยละ 19.1 YoY ดังนั้นในช่วงเวลาที่เหลือของปีมูลค่าการส่งออกรถยนต์อาจจะไม่ขยายตัวมากเท่าเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม สินค้าส่งออกหลักอื่นๆ อย่างเม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และสินค้าเกษตร ยังคงมีมูลค่าส่งออกหดตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาสินค้าดังกล่าวได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะการฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจคู่ค้าหลัก อย่างจีน ยังคงกดดันปริมาณส่งออกสินค้าหลายรายการ โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ที่ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง ราวร้อยละ 30.7 YoY
มูลค่าส่งออกไปยังตลาดอาเซียน 5 ประเทศ ทำสถิติหดตัวมากที่สุดในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงเศรษฐกิจโลกยังคงไม่ฟื้นตัว ในเดือนมิ.ย. 2559 มูลค่าส่งออกไปตลาดอาเซียน 5 ประเทศหดตัวอย่างต่อเนื่อง สูงถึงร้อยละ 23.0 YoY ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่มีสัดส่วนสูงที่สุดของไทย ราวร้อยละ 13.3 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดในเดือนดังกล่าว โดยการส่งออกสินค้าหลักของไทยไปอาเซียน 5 ประเทศหดตัวทั้งในหมวดของสินค้าทุน เชื้อเพลิง และยานยนต์ เช่น การส่งออกเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล ติดลบอย่างต่อเนื่องสูงถึง ร้อยละ 52.9 YoY เช่นเดียวกับ น้ำมันสำเร็จรูปที่หดตัวสูงถึงร้อยละ 44.5 YoY เป็นต้น เช่นเดียวกับ การส่งออกไปตลาดอินโดจีน (CLMV) ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพของไทย ในเดือนมิ.ย. 2559 กลับมาหดตัวสูงถึงร้อยละ 6.8 YoY
สำหรับแนวโน้มการส่งออกในครึ่งปีหลัง แม้ว่าตัวเลขเดือนล่าสุดสะท้อนพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ปัจจัยความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้นก็ยังคงสร้างความเสี่ยงต่อเส้นทางการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยด้วยเช่นกัน อาทิ การส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรปอาจจะชะลอตัวลง จากผลกระทบของ Brexit ที่ทำให้ค่าเงินปอนด์ สเตอริงและค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง ในขณะที่ค่าเงินบาทของไทยกลับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งอาจจะกระทบต่อราคาสินค้าส่งออกของไทยที่จะแพงขึ้นโดยเปรียบเทียบ อีกทั้งแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตามภาวะราคาน้ำมันดิบ และการฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับแรงบวกจากราคาทองคำน่าจะมีน้อยลง เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงยังคงประมาณการมูลค่าส่งออกของไทยทั้งปี 2559 ไว้ที่ติดลบร้อยละ 2.0 YoY เพื่อติดตามดูความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยในเดือนถัดๆ ไปก่อน