สธ.จับมือเครือข่ายลดอัตราการบริโภคยาสูบร้อยละ 30 ในปี 68
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
วันนี้(14 ก.ค.2559) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นท์ กรุงเทพมหานคร ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค ประชุมชี้แจงการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2559-2562) และการดำเนินงานเพื่อควบคุมยาสูบระดับจังหวัด แก่ผู้บริหารและผู้ปฎิบัติงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศกว่า 100 คน
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ปัญหาการสูบบุหรี่ในประเทศไทยทวีความรุนแรง โดยเฉพาะอายุของนักสูบหน้าใหม่ที่ลดน้อยลงและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม อย่างกว้างขวาง และเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทำให้รัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเป็นจำนวนมาก ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2558 พบว่าจำนวนประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปจำนวน 54.8 ล้านคน เป็นผู้สูบบุหรี่ 11.4 ล้านคน โดยเป็นผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ 10 ล้านคน และเป็นผู้ที่สูบบุหรี่นานๆครั้ง 1.4 ล้านคน อายุเฉลี่ยที่เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกของผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำคือ 17.8 ปี ขณะที่อายุเฉลี่ยที่เริ่มสูบบุหรี่เป็นปกตินิสัยคือ 19.5 ปี เมื่อเทียบกับปี 2550 พบว่าทุกกลุ่มวัยมีอายุเฉลี่ยที่เริ่มสูบบุหรี่น้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน 15-24 ปี เริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุน้อยลงค่อนข้างมากกว่ากลุ่มอื่น คือจากปี 2550 เยาวชนเริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุ 16.8 ปี และในปี 2557 เริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุ 15.6 ปี
ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมาตรการในการควบคุมยาสูบ และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ด้วยการสร้างความมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานแบบบูรณาการอย่างต่อเนื่องในระดับพื้นที่ ที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และมาตรการต่างๆเพื่อนำไปสู่การพัฒนาการควบคุมยาสูบ ให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก 17 ประการ(Sustainable Development Goals-SDGs) ตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO FCTC) ที่นำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายลดการตายก่อนวันอันควรจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สอดคล้องกับเป้าหมาย The 9 global targets for NCD : 2025 ที่ต้องลดอัตราการบริโภคยาสูบลงอย่างน้อยร้อยละ 30 ภายในปี 2568
ด้านนายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 ได้อนุมัติแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ พ.ศ. 2559–2562 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนมีความตระหนักถึงภาวะเสพติดและพิษภัยร้ายแรงของยาสูบ ป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสพหน้าใหม่ เฝ้าระวังธุรกิจยาสูบและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติฯ สู่การปฎิบัติในระดับพื้นที่ที่สำคัญ คือความร่วมมือของทุกจังหวัดที่มีร่วมดำเนินการควบคุมยาสูบไปพร้อม ๆ กัน โดยเน้นมาตรการ 3 ลด 2 เพิ่มคือ ลดนักสูบหน้าใหม่ ลดจำนวนผู้สูบเดิมในชนบท ลดควันบุหรี่มือสองที่ทำงาน ที่สาธารณะ และที่บ้าน และเพิ่มผู้ขับเคลื่อนระดับพื้นที่ จังหวัดและท้องถิ่น พัฒนาระบบบริการและเพิ่มบริการเชิงรุกเพื่อช่วยเลิกบุหรี่