GL มั่นใจ Brexit เป็นผลบวกกับธุรกิจ ชี้เป็นโอกาสเทคโอเวอร์กิจการราคาถูก

27 มิ.ย. 2559 | 08:22 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน เปิดเผยว่า จากที่ประเทศอังกฤษได้ลงประชามติ Brexit ให้แยกตัวออกจากการเป็นประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปนั้น มีความมั่นใจว่าจะเป็นผลดีต่อการขยายธุรกิจของ GL เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.5 เท่า ประกอบกับในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่ J Trust Asia Pte. Ltd (JTA) จึงทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมด้านเงินทุนที่จะนำมาใช้ขยายกิจการในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสเข้าควบรวมกิจการ (M&A) ได้ในราคาที่ต่ำ เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างรวดเร็ว

โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์นั้น จะสามารถนำไปใช้ขยายธุรกิจได้กับทุกประเทศ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา GL ได้รับข้อเสนอให้เข้าควบรวมกิจการจากผู้ประกอบการธุรกิจด้านการเงินในอาเซียนหลายราย แต่ยังไม่มีข้อสรุปเนื่องจากราคาค่อนข้างสูง

“มองว่าผลจากการลงประชามติ Brexit จะทำให้บริษัทฯ มีโอกาสที่ดีอีกมากมายในการเข้าควบรวมกิจการ โดยเรามองไปที่ประเทศอินโดนีเซีย เวียดนามและศรีลังกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยความปั่นป่วนในตลาดเงินและตลาดทุนอันเป็นผลสืบเนื่องจาก Brexit จะทำให้เป้าหมายในการเทคโอเวอร์ของเราราคาถูกลง” นายมิทซึจิ กล่าว

ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL กล่าวชี้แจงว่า ในส่วนของ J Trust Asia Pte. Ltd (JTA) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GL ตามที่ปรากฏใน www.set .or.th นั้น หลังจากใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทาง JTA ยืนยืนว่าไม่มีการขายหุ้นออกไปและพร้อมร่วมมือกับ GL ขยายธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียและภูมิภาคอาเซียนในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ โดยปัจจุบันยังคงถือหุ้นในGL 6.43% หรือคิดเป็นจำนวน 98.1 ล้านหุ้น อย่างไรก็ตามกรณีที่ www.set.or.th ได้ปรากฏรายชื่อ JTA  เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฯ ที่ 4.82% หรือคิดเป็นจำนวน 73.575 ล้านหุ้นนั้น เกิดจากมีการถือหุ้นบางส่วนผ่านทาง Custodian จึงส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งทาง GL ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ แล้ว

ทั้งนี้ จากการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ  (GL-W4) จำนวน 170 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 9 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนท์ กำหนดเงื่อนไขการแปลงสภาพ           1 วอแรนท์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาแปลงสภาพ 40 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นใช้สิทธิแปลงสภาพที่ราคา 40 บาทต่อหน่วย ภายในกำหนด 2 ปี จะส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับเงินทุนก้อนใหม่จำนวนมากเพื่อนำมาใช้ขยายธุรกิจในประเทศไทยและดำเนินธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ใน สปป.ลาวรวมถึงภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิรุ่นที่ 8 (GL-W4) ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 และกำหนดวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวในวันที่ 6 กรกฎาคม 2559

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่กลุ่มพันธมิตรญี่ปุ่น JTA โดยกำหนดราคาแปลงสภาพ 1 หุ้นกู้ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 40 บาท ภายในระยะเวลา   5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% ซึ่งหากผู้ถือหุ้นและกลุ่ม J Trust Asia ใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมด จะส่งผลให้ GL มีแหล่งเงินทุนใหม่เพิ่มขึ้นในทันทีเพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจในกัมพูชาให้มีพอร์ตสินเชื่อที่หลากหลายและปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่ GL เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ

พร้อมกันนี้ในที่ประชุมได้มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิและสิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 285.05 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท แบ่งเป็นการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 115.05 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นแปลงสภาพ