ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ผู้นำเชฟรอน เปลี่ยนผ่านพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน

03 ธ.ค. 2568 | 10:12 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2568 | 10:39 น.

ท่ามกลางความท้าทายของความมั่นคงทางพลังงานและการลดคาร์บอน ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง นำเชฟรอนสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ Circular Engineering, Topsides Reuse, IOC ถึง Rigs-to-Reefs พร้อมผลักดันพลังงานสะอาดและความยั่งยืนที่วัดผลได้จริง

“ฐานเศรษฐกิจ” ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง สรรหาผู้นำองค์กร ที่มีความรู้ ความสามารถและผลงานที่โดดเด่น และเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ครอบคลุมในทุกภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจและสังคม เพื่อรับรางวัล The Leadership Awards 2025 ใน 10 สาขา พร้อมมอบรางวัลในงาน “Go Thailand 2026 : Beyond Survival โอกาสไทยในวิกฤต” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ณ พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน

ในช่วงที่โลกและอุตสาหกรรมพลังงานต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งเรื่องความมั่นคงทางพลังงานและแรงกดดันให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การนำองค์กรพลังงานให้เดินไปพร้อมกันทั้งสองมิติจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ภายใต้การนำของ “ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอน ประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด ได้แปลงคำว่า “ความยั่งยืน” ให้กลายเป็นการปฏิบัติที่จับต้องได้ จนทำให้เขาได้รับรางวัล Green Growth Strategy Award ในครั้งนี้

ผลงานที่ชัดเจนและวัดผลได้เป็นสิ่งที่ทำให้การเดินทางของเชฟรอนแตกต่าง ตั้งแต่การนำแนวคิด Circular Engineering มาใช้เพื่อลดความเข้มข้นของการปล่อยคาร์บอน จนสามารถลดได้หลักสิบเปอร์เซ็นต์ โดยการนำนวัตกรรม Topsides Reuse หรือการนำส่วนบนแท่นผลิตกลับมาใช้ใหม่เป็นรายแรกในประเทศไทย สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 10,000 ตัน การก่อตั้งIntegrated Operations Center (IOC) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้ามแหล่งผลิต และโครงการ Rigs-to-Reefs ที่เปลี่ยนแท่นเก่าให้กลายเป็นบ้านปลา ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนชายฝั่ง

ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ผู้นำเชฟรอน เปลี่ยนผ่านพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน

ชาทิตย์ เปิดเผยเบื้องหลังความสำเร็จคือ “พลังคน” มากกว่าเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว เขาชี้ว่าเทคโนโลยีอาจเป็นเครื่องมือ แต่การสร้างแรงบันดาลใจ การฝึกฝน และการเปิดพื้นที่ให้พนักงานมีส่วนร่วมต่างหากคือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง หน้าที่ของผู้นำคือการตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย ให้การสนับสนุนตั้งแต่การพัฒนาทักษะ ไปจนถึงการสร้างวัฒนธรรมที่ปลอดภัยและโปร่งใส

สำหรับทิศทางอนาคต ชาทิตย์ยืนยันว่า เชฟรอนจะยังคงบทบาทในการจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้และมีความสะอาดมากขึ้นให้กับประเทศ โดยเดินหน้าลงทุนในแหล่งผลิตสำคัญ เช่น ไพลินและเบญจมาศ พร้อมกับสำรวจและพัฒนาพื้นที่ใหม่ในอ่าวไทย (G2/65) เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานของไทย ในเวลาเดียวกันองค์กรยังตั้งเป้าอย่างจริงจังในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างมีเสถียรภาพ

แนวทางเช่นนี้ไม่ได้เพียงตอบโจทย์ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสะท้อนการมองการณ์ไกลทางธุรกิจ การเชื่อมโยงความยั่งยืนกับประสิทธิภาพและความสามารถในการอยู่รอดขององค์กรในอนาคต ชาทิตย์จึงไม่ได้มองความยั่งยืนเป็นแค่คำประกาศ แต่เป็นกระบวนการที่วางแผน ลงมือทำ และวัดผลได้จริง ซึ่งเป็นตัวอย่างสำคัญให้กับอุตสาหกรรมพลังงานไทยในการก้าวสู่อนาคตที่สมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม