อมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ ผู้นำที่ผลักดัน Sea Value สู่เวทีโลก
ภายใต้การนำของ “อมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์” Sea Value เดินหน้าสร้างห่วงโซ่อุปทานยั่งยืน ลงทุนเทคโนโลยีลดคาร์บอน และขยายตลาดใหม่ทั่วโลก จนคว้า Global Expansion Award และก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารโลกอย่างมั่นคง
“ฐานเศรษฐกิจ” ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง สรรหาผู้นำองค์กร ที่มีความรู้ ความสามารถและผลงานที่โดดเด่น และเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ครอบคลุมในทุกภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจและสังคม เพื่อรับรางวัล The Leadership Awards 2025 ใน 10 สาขา พร้อมมอบรางวัลในงาน “Go Thailand 2026 : Beyond Survival โอกาสไทยในวิกฤต” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ณ พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน
การเติบโตสู่ตลาดโลกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือผลลัพธ์ของวิสัยทัศน์ การลงทุนระยะยาว และการทำงานอย่างเป็นระบบ ทั้งหมดนี้สะท้อนชัดในเส้นทางของ "อมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน) ผู้ปลุกปั้น Sea Value Group ให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ของโลก พร้อมคว้ารางวัล Global Expansion Award ประจำปี 2025
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Sea Value ส่งออกสินค้ากว่า 90% ของยอดขายรวม ไปยังยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ทำให้แบรนด์ไทยยืนอยู่ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างมั่นคง
ภายใต้การนำของอมรพันธุ์ บริษัทยังขยายเครือข่ายในต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ Sea Value Europe B.V. ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าทั่วยุโรป ไปจนถึง Top Intertrade Corporation ในญี่ปุ่นที่เสริมความแข็งแกร่งด้านการตลาดในเอเชียตะวันออก
"อมรพันธุ์" สรุป “Key Success” ของ Sea Value ไว้ 3 ส่วนสำคัญ
1. ความยั่งยืนของธุรกิจ (Sustainability)Sea Value ใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่ตรวจสอบได้และผ่านการรับรอง MSC เพื่อให้มั่นใจว่าปลาทูน่าทุกกระป๋องมาจากห่วงโซ่อุปทานที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล
2. คน (People)องค์กรยึดหลักความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยกเพศ เชื้อชาติ หรือศาสนา พร้อมตั้งมาตรฐานจริยธรรมเข้มงวดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและคู่ค้าทั่วโลก
3. สิ่งแวดล้อม (Environment) Sea Value ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในปี 2567 Sea Value ทำยอดขายสูงถึง 35,000 ล้านบาท และในปี 2568 บริษัทลงทุนสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติ (AS/RS) และพัฒนาโรงงานเป็นSmart Factory 4.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรและเครื่องจักร ขณะที่ปี 2569 บริษัทยังตั้งเป้าเติบโต 5% พร้อมรุกตลาดใหม่ทั้งอเมริกาใต้และแอฟริกาตอนกลาง รวมถึงขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งยังเติบโตสูงทั่วโลก
แม้ปีหน้าจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน กำลังซื้ออ่อนแอ ค่าเงินบาทแข็งค่า และเศรษฐกิจโลกผันผวน แต่อมรพันธุ์ยังเชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพด้านอาหารและเกษตร พร้อมเรียกร้องให้รัฐสนับสนุนภาคเอกชนผ่านมาตรการภาษีและการลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
เขาทิ้งท้ายว่า Sea Value จะเดินหน้าพัฒนาสินค้าที่คุ้มค่า มีคุณค่าทางโภชนาการ และตอบโจทย์คนทุกวัย รวมถึงอาหารโปรตีนสูงสำหรับคนรุ่นใหม่ ทั้งหมดบนพื้นฐานความยั่งยืนและคุณภาพ คือเส้นทางสู่การเติบโตของ Sea Value บนเวทีโลกอย่างแท้จริง