KEY
POINTS
นายธนดล พิทยานุวัฒน์ กรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไอเดียแล็บ จำกัด (IdeasLabs) MarTech สัญชาติไทย กล่าวว่า มูลค่าตลาด ตลาด Social และ KOL และสื่อ Publisher มีมูลค่าราว 5,000 ล้านบาทในปีนี้
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดในไทยเติบโตเกิดจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคหันไปสู่การชอปปิ้งออนไลน์มากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา
โดยตลาด Influencer Marketing กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แบรนด์ต่างๆ จัดสรรงบประมาณการตลาดรวมประมาณ 30% ไปยังช่องทางนี้เพราะสามารถวัดผลการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion) และ ROAS ได้อย่างชัดเจนกว่าการโฆษณาแบบดั้งเดิม
TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับการทำแคมเปญระดับนาโนและไมโครอินฟลูเอนเซอร์ โดยคิดเป็น 50% ของบรีฟลูกค้าทั้งหมด และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเป็น 70% เนื่องจากมีฟีเจอร์ "ตะกร้าสินค้า" ที่ช่วยในการติดตาม Conversion ได้อย่างแม่นยำและตรงจุด
กว่า 70% ของคำขอแคมเปญเป็นรูปแบบวิดีโอ เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมและเข้าใจได้ง่ายกว่า โดยกลยุทธ์ของ Idea Lab คือการใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านี้ โดยการสร้างแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ช่วยให้เกิด ความโปร่งใสและเป็นมาตรฐาน ในการกำหนดราคาของอินฟลูเอนเซอร์ โดยเฉพาะกลุ่มนาโนและไมโคร ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อจริง และเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลให้กับแบรนด์
ด้วยฐานข้อมูลอินฟลูเอนเซอร์แกนหลักกว่า 20,000 ราย บริษัทตั้งใจที่จะใช้แพลตฟอร์มเพื่อนำ เสถียรภาพและความโปร่งใส มาสู่การกำหนดราคาในตลาดที่ปัจจุบันมีความผันผวนสูง โดยให้อินฟลูเอนเซอร์กำหนดราคาของตนเอง ตามหลักการอุปสงค์และอุปทานของตลาด เพื่อค้นหาราคาที่ยุติธรรมและสมดุลระหว่างแบรนด์กับผู้สร้างสรรค์
อย่างไรก็ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ส่งผลให้ IdeasLabs เติบโตไปตามเทรนด์อย่างมีนัยสำคัญ โดยในปีนี้คาดว่าจะทำรายได้รวม 250 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 25 % จากปี 2567 ที่ทำรายได้รวม 200 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดของตลาด KOL ระดับ Nano–Micro ซึ่งส่งผลให้แคมเปญเชิง Community เติบโตตามไปด้วย ขณะที่ผลิตภัณฑ์เชิง Mass Product ภายใต้ Publisher ยังคงรักษาระดับยอดขายได้อย่างมั่นคง
โดยกลยุทธ์หลักที่สนับสนุนการเติบโตของ IdeasLabs มากจากการมุ่งสร้างแพลตฟอร์มและเครื่องมือ MarTech สัญชาติไทย ที่ช่วยให้แบรนด์และครีเอเตอร์ทำงานอย่างเป็นธรรม มีโครงสร้างราคาที่โปร่งใส และสะท้อนคุณค่าของครีเอเตอร์ได้อย่างแท้จริง
หัวใจสำคัญของการเติบโตมาจากการใช้ Data-Driven Operating Model ที่เชื่อมโยงข้อมูลเชิงลึกกับจุดประสงค์ทางการตลาดได้อย่างเฉพาะเจาะจง ช่วยให้บริษัทฯ สามารถออกแบบกลยุทธ์และแคมเปญที่สะท้อนความต้องการจริงของผู้บริโภค ซึ่งหลายครั้งเป็นเทรนด์ที่แตกต่างจากทิศทาง Mass Marketing ทั่วไป ทำให้ลูกค้าได้ผลลัพธ์ที่มีความเฉพาะเจาะจงและชัดเจนในเชิงธุรกิจมากกว่า
ส่วนภาพรวมในปีหน้าบริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 25 % ตามสภาวะตลาดและพฤติกรรมการลงทุนของแบรนด์ และในอีก 2–3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้ารายได้ 400 – 450 ล้านบาท พร้อมก้าวขึ้นเป็น MarTech สัญชาติไทยที่มีมาร์เกตแชร์ใหญ่ที่สุดในตลาดให้ได้ภายใน 5 ปี ไปพร้อมกับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้สามารถขยายในระดับภูมิภาค โดยมีเป้าหมายสร้างระบบนิเวศของ MarTech ไทยที่แข็งแรง