KEY
POINTS
เรื่องราวของ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด องค์กรที่สร้างปรากฏการณ์ในตลาดสมุนไพรไทย ด้วยการเติบโตทางธุรกิจที่พุ่งทะยานจนน่าตกตะลึง ในขณะที่ชื่อเสียงกำลังเป็นที่ประจักษ์ และงบการเงินกำลังฉายแสงแห่งความสำเร็จสูงสุด ล่าสุดกลับมีประกาศจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้ามาสั่นคลอน
บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000.00 บาท ดำเนินกิจการประเภทการผลิตและจำหน่ายยาดม ยาหม่อง สมุนไพร และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรทุกชนิด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของยาดมสมุนไพรไทยให้กลายเป็น 'ซอฟต์พาวเวอร์' ที่ถูกพูดถึงในระดับโลก โดยมี นายธีระพงศ์ ระบือธรรม เป็นหนึ่งในกรรมการ
ข้อมูลจาก datawarehouse.dbd.go.th ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า จากผลประกอบการในช่วงปี 2563 ถึง 2567 งบกำไรขาดทุนของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่รวดเร็วและร้อนแรงราวกับจรวด
จุดเปลี่ยนสำคัญของ "หงส์ไทย" คือการเปลี่ยนสถานะจากธุรกิจที่ประสบภาวะขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง มาสู่การทำกำไรได้สำเร็จ ในปี 2563 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ -6.14 ล้านบาท และยังคงขาดทุนต่อเนื่องในปี 2564 ที่ -5.16 ล้านบาท
ทว่า อานิสงส์จากการขยายตลาดและการเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ทำให้รายได้ของบริษัทฯ ทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ความสำเร็จนี้ดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ในปี 2566 รายได้หลักพุ่งขึ้นถึง 243.90% แตะ 215.71 ล้านบาท
และในปีล่าสุด 2567 รายได้หลักทะยานต่อไปที่ 366.14 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตอีก 69.73%
การเติบโตของยอดขายทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเช่นกัน โดยในปี 2567 บริษัทฯ มี กำไรขั้นต้นถึง 165.72 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 99.78%
อย่างไรก็ตาม แม้รายได้จะพุ่งสูง แต่รายจ่ายก็เพิ่มขึ้นตามมาอย่างคู่ขนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการขยายตลาด การทำกิจกรรมทางการตลาด หรือการบริหารจัดการที่รองรับการเติบโต
ในปี 2566 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นถึง 282.14% และในปี 2567 เพิ่มขึ้นอีก 100.92% ไปแตะที่ 162.44 ล้านบาท
สุดท้ายแล้ว "หงส์ไทย" สามารถรักษาเส้นทางแห่งผลกำไรไว้ได้ โดยมี กำไรสุทธิในปี 2567 อยู่ที่ 2.06 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 43.49% จากปีก่อน
นอกจากนี้ งบแสดงฐานะการเงินยังบ่งชี้ถึงการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ สินทรัพย์รวม ของบริษัทฯ ได้เพิ่มขึ้นจาก 77.73 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 115.02 ล้านบาท ในปี 2567
ขณะที่หนี้สินรวมก็เพิ่มขึ้นจาก 105.24 ล้านบาทเป็น 140.48 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนขยายกิจการอย่างหนัก โดยเฉพาะในส่วนของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 41.47% ในปี 2567
ในขณะที่ตัวเลขทางการเงินกำลังบอกเล่าถึงความสำเร็จและโอกาสในการเติบโตอย่างไม่จำกัด ปรากฏว่าเกิดสัญญาณเตือนที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น
เพราะเมื่อวันที่ 28 ต.ค.68 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เผยแพร่ประกาศผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยมีการเก็บตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย สูตร 2 เลขทะเบียนที่ G 309/62 จากสถานที่ผลิต 'หงส์ไทยพาณิชย์' และส่งตรวจวิเคราะห์ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ผลการตรวจวิเคราะห์พบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรผิดมาตรฐาน ในรายการทดสอบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งรวมถึง Total Aerobic Microbial Count, Total Combined Yeasts and Mould Count และ Clostridium spp. ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
การประกาศเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการซื้อหรือบริโภคผลิตภัณฑ์นี้ ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ต่อบริษัทที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริโภค
การผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ผิดมาตรฐานดังกล่าว ถือเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 มาตรา 58 (2) ซึ่งอาจนำไปสู่โทษตามกฎหมาย สำหรับผู้ผลิต อาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท ขณะนี้ อย. อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป
รายได้รวม
ต้นทุนขาย
กำไร(ขาดทุน) สุทธิ
ในช่วงปี 2563 และ 2564 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ -6.14 ล้านบาท และ -5.16 ล้านบาท ตามลำดับ ปี 2565 บริษัทฯ สามารถพลิกกลับมาทำ กำไรสุทธิได้ที่ 782,832.15 บาท ซึ่งคิดเป็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 115.17% ในปี 2566 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 83.02% ไปอยู่ที่ 1,432,803.43 บาท ในปีงบการเงินล่าสุด (2567) บริษัทฯ มี กำไรสุทธิ อยู่ที่ 2,055,997.30 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 43.49% จากปี 2566
สินทรัพย์รวม ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 115,022,448.81 บาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 47.97% จากปีก่อนหน้า (77.73 ล้านบาท ในปี 2566)
หนี้สินรวม ก็เพิ่มขึ้นจาก 105.24 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 140.48 ล้านบาท ในปี 2567 (เพิ่มขึ้น 33.47%)
ทั้งนี้ ส่วนของผู้ถือหุ้น ยังคงมีค่าเป็นลบ (ติดลบ) อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงปี 2563-2567 โดย ณ ปี 2567 อยู่ที่ -25,455,925.33 บาท ซึ่งแม้จะติดลบ แต่ก็ลดลง 7.47% จากปีก่อน