MPA–ACE ยกย่องไทย “ฮับภาพยนตร์โลก” ดึงลงทุน 1.3 หมื่นล้าน

22 ต.ค. 2568 | 22:27 น.

สมาคมภาพยนตร์สหรัฐฯ จับมือพันธมิตรจัด “Thailand’s Success Stories” ชูไทยเป็นศูนย์กลางถ่ายทำโลก หนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์โตยั่งยืน ภายใต้นโยบาย Quick Win ดึงลงทุนกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท

KEY

POINTS

  • สมาคมภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (MPA) และพันธมิตร (ACE) ยกย่องไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์ระดับโลก โดยมีการลงทุนจากสตูดิโอสมาชิกกว่า 13,000 ล้านบาทในช่วงปี 2565-2567
  • ภาครัฐไทยมีนโยบายส่งเสริม "เศรษฐกิจสร้างสรรค์" อย่างจริงจัง เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและสนับสนุนผู้สร้างสรรค์ผลงานในประเทศ
  • ความสำเร็จในการร่วมมือปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง เช่น "ปฏิบัติการ DEV Shutdown" ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ

สมาคมภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Motion Picture Association – Asia Pacific: MPA) จับมือกับพันธมิตรเพื่อความคิดสร้างสรรค์และความบันเทิง (Alliance for Creativity and Entertainment: ACE) จัดงาน “Thailand’s Success Stories” เพื่อเฉลิมฉลองบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์ระดับโลก พร้อมแสดงพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ผลักดันอุตสาหกรรมบันเทิงไทยให้ก้าวสู่เวทีสากล

ในช่วงปี 2565–2567 สตูดิโอสมาชิกของ MPA ได้เข้ามาลงทุนในไทยกว่า 395 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 13,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งผลงานระดับนานาชาติและการผลิตในภาษาท้องถิ่น รวม 17 โปรเจกต์ ตัวอย่างเช่น Love Stuck รักวนลูป (Prime Video), Mad Unicorn สงครามส่งด่วน (GDH/Netflix), Jurassic World: Rebirth (Universal), Alien: Earth (FX/Hulu) และ 50 First Dates (Sony/GDH) ซึ่งล้วนใช้ทีมงานไทยและสถานที่ถ่ายทำในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ

นางสาว เออร์มิลา เวนูโกปาลัน ประธานและกรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ MPA กล่าวในงานว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้สะท้อนศักยภาพของไทยในการเป็น “ศูนย์กลางการผลิตระดับโลก” ที่ไม่เพียงสร้างรายได้มหาศาล แต่ยังจ้างงานคนไทยและกระจายผลประโยชน์สู่ธุรกิจท้องถิ่นจำนวนมาก

“การสร้างอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ต้องอาศัยมากกว่าเม็ดเงินลงทุน หากแต่รวมถึงการพัฒนาทักษะคนในประเทศ นโยบายรัฐที่เป็นมิตร และระบบนิเวศสร้างสรรค์ที่หนุนให้เกิดนวัตกรรมและความร่วมมือข้ามพรมแดน”

ในเวทีเดียวกัน นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวยืนยันถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการขับเคลื่อน “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ว่า ประเทศไทยกำลังฟื้นคืนพลังความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ภายใต้นโยบาย “Quick Big Win” ที่เน้นปฏิรูประบบยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพื่อปลดล็อกศักยภาพของครีเอเตอร์ไทย และดึงดูดการร่วมลงทุนจากทั่วโลก

MPA–ACE ยกย่องไทย “ฮับภาพยนตร์โลก” ดึงลงทุน 1.3 หมื่นล้าน

แนวคิดใหม่ภายใต้ชื่อ “ไท ไทย” ซึ่งไม่ใช่แค่นโยบายแต่เป็น “ปรัชญา” ที่หลอมรวมจิตวิญญาณของความเป็นไทยเข้ากับมาตรฐานการผลิตระดับโลก เป้าหมายคือการสร้างสรรค์ผลงานที่ “แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์” พร้อมยกระดับคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติให้มีบทบาทเชิงรุก รวมถึงการจัดตั้งระบบส่งเสริมการผลิตที่มีข้อเสนอจูงใจต่อกองถ่ายต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

“กระทรวงวัฒนธรรมพร้อมทำหน้าที่เสมือน Executive Producer แห่งชาติ ในการผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทลายอุปสรรคทางกฎระเบียบ และเปิดทางให้โลกมาร่วมสร้างฝันกับครีเอเตอร์ไทย”

เสวนาครีเอทีฟไทย–ฮอลลีวูด เปิดมุมมอง “ความสำเร็จที่สร้างได้ในไทย”

ภายในงานยังจัดเวทีเสวนานำโดย แพททริก เฟรเทอร์ ซีอีโอ เอฟ มีเดีย ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ พร้อมแขกรับเชิญระดับแถวหน้าในวงการสร้างสรรค์ไทย ได้แก่

  • อภินัทธ์ (อ๊อป) ศิริเจริญจิตต์ ยูนิตโปรดิวเซอร์ บริษัท ลิฟวิ่ง ฟิล์ม
  • วรรณฤดี (วัน) พงษ์สิทธิ์ศักดิ์ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ หลานม่า และซีรีส์ สงครามส่งด่วน
  • ณฐพล (ไก่) บุญประกอบ ผู้กำกับ สงครามส่งด่วน
  • กุลเทพ นฤหล้า ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เบเนโทน ฟิล์ม
  • ค็อด สตรูแสยง ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ทีซิกส์ตี้ซิกส์ สตูดิโอ

ทุกคนต่างเห็นพ้องว่า ไทยมี “ทรัพยากรสร้างสรรค์” ครบวงจร ตั้งแต่ทีมงานมืออาชีพ โลเคชันที่โดดเด่น ไปจนถึงความร่วมมือของภาครัฐที่เอื้อต่อการถ่ายทำในระดับสากล ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์โลก

MPA–ACE ยกย่องไทย “ฮับภาพยนตร์โลก” ดึงลงทุน 1.3 หมื่นล้าน

“ปฏิบัติการ DEV Shutdown” ตัวอย่างความร่วมมือปราบละเมิดลิขสิทธิ์

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการนำเสนอความสำเร็จในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมบันเทิงและคอนเทนต์ โดยตัวแทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ได้เผยความสำเร็จของ “ปฏิบัติการ DEV Shutdown” ซึ่งสามารถปิดบริการ INWIPTV ผู้ให้บริการ IPTV ผิดกฎหมายรายใหญ่ที่สุดในประเทศ หลังดำเนินการมายาวนานกว่า 10 ปี

ปฏิบัติการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง DSI, พันธมิตรระดับโลกอย่าง ACE และสมาชิกในไทยอย่าง ทรูวิชั่นส์ นำไปสู่การตรวจค้นพร้อมกันใน 6 พื้นที่ ยึดของกลางกว่า 150 รายการ รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ 46 เครื่อง และกล่อง IPTV จำนวนมาก

ลาริสซา แนปป์ รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองเนื้อหา MPA กล่าวชื่นชมว่า “นี่คือแบบอย่างของพลังความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐกับอุตสาหกรรม ที่ช่วยปกป้องสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก”

ขณะที่ นายสมพันธ์ จารุมิลินท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “การปิดบริการละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่คุ้มครองผู้บริโภคและเยาวชน แต่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย และสะท้อนว่าการบังคับใช้กฎหมายสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง”