ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การเปิดตัวของศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค ถือเป็นการเสริมศักยภาพกรุงเทพฯ ในการเป็นมหานครและเมืองน่าอยู่ระดับโลก โดยสืบสานความเป็น Legendary Landmark ของที่ดินผืนนี้ ที่ผสานพื้นที่สีเขียวกับวิถีชีวิตคนเมือง
เช่นเดียวกับ Central Park ในนิวยอร์ก หรือ Hyde Park ในลอนดอน ภายใต้แนวคิด Design for the Future with Respect for Legacy ด้วยจุดแข็งในการเชื่อมโยง Park Life & Urban Life อีกทั้งยังเป็น Mixed-use เดียว ที่อยู่บน Prestigious address และเป็น Super core CBD ซึ่งตั้งเป้าดึงดูดคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 25 ล้านคนต่อปี
โดยจุดเด่นของเซ็นทรัล พาร์ค ประกอบไปด้วย 1.Nature พื้นที่สีเขียวที่มีชีวิตใจกลางเมือง ด้วย Roof Park สวนลอยฟ้า 7 ไร่ ใหญ่ที่สุดในไทย เป็นโอเอซิสแห่งใหม่ที่เชื่อมทุกยูสของโครงการ ทั้งศูนย์การค้า ออฟฟิศ โรงแรม และที่พักอาศัย 2. Connectivity เชื่อม 4 ย่านเศรษฐกิจสำคัญบนทำเล Prestigious Address หัวมุมถนนสีลมและพระราม 4 ใจกลาง Super Core CBD ที่รวมเมืองเก่าและเมืองใหม่
ทั้งย่านราชประสงค์, สุขุมวิท, เจริญกรุง และเยาวราช 3. Culture พื้นที่วัฒนธรรมชีวิตเมืองในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ผ่าน Curated Experiences ที่โอบรับความหลากหลาย (Diversity) และตอบโจทย์ผู้คนทุกเจนเนอเรชัน บนพื้นที่ศูนย์การค้า GBA กว่า 1.3 แสนตร.ม. รวมกว่า 550 แบรนด์ ยกระดับเป็น Culinary Landmark แห่งเอเชีย
4. Sustainability & Design for the Next generation เชื่อมชีวิตเมืองกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน เป็น Landmark ที่จะอยู่กับกรุงเทพฯ ไปอีกหลายรุ่น ออกแบบให้ยืดหยุ่นต่ออนาคต รองรับวิถีชีวิตเมือง โดยพื้นที่ทั้ง 4 ยูส — ศูนย์การค้า โรงแรม ออฟฟิศ และเรสซิเดนซ์ — เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวทั้งหมด รวมถึง Roof Park ขนาด 7 ไร่ ที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 11 ตันต่อปี เทียบเท่าต้นไม้ใหญ่ 900 ต้น* พร้อม Central Park Offices ต้นแบบออฟฟิศ Next Gen และ Green Building มาตรฐานระดับโลก ดีไซน์เพื่อความยั่งยืน
ทั้งนี้ เซ็นทรัล พาร์ค ประกอบด้วย ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม และที่พักอาศัย มีมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการ 4.6 หมื่นล้านบาท พื้นที่รวมทั้งโครงการ 23 ไร่ โดยศูนย์การค้ามีพื้นที่อาคารรวม (GBA)130,000 ตร.ม. และอาคารสำนักงาน 43 ชั้น มีพื้นที่เช่ารวม (Leasable Area) 60,000 ตร.ม. พร้อมเปิดให้บริการเฟสแรกในวันที่ 4 กันยายนนี้ และจะเปิดเต็มรูปแบบในเดือนพฤศจิกายน 2568
สำหรับผลประกอบการของเซ็นทรัลพัฒนา ในไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 11,653 ล้านบาท เติบโต 3% กำไรสุทธิ 3,902 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน (ไม่รวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์) โดยในครึ่งปีหลังมีแผนเปิดตัวเมกะโปรเจกต์ “เซ็นทรัล พาร์ค” ไตรมาส 3 และ “เซ็นทรัลกระบี่” ไตรมาส 4 เติมเต็มแลนด์มาร์กระดับโลกและกระจายศักยภาพสู่เมืองท่องเที่ยว ตอกย้ำบทบาทผู้นำการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจไทย ภายใต้แนวคิด “The Ecosystem for All” ที่เชื่อมโยงความแข็งแกร่งของทุกภาคส่วน
โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 42 โครงการ แบ่งเป็น ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 40 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 16 โครงการ ต่างจังหวัด 23 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ ศูนย์การค้าเอสพละนาด ศูนย์การค้าเมกา บางนา คอมมูนิตี้ มอลล์ 16 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร
นอกจากนี้ ยังมีอาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 10 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 44 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN (ทาวน์โฮม) ESCENT AVENUE (โฮมออฟฟิศ) NINYA (บ้านแฝด) NIYAM (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการแนวราบหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ NIRATI, BAAN NIRATI และ BAAN NIRADA
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,124 วันที่ 21 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568