นางสาวประนัปดา พรประภา ผู้ก่อตั้ง Dragonfly 360 เล่าให้ฟังว่า ย้อนกลับไปในปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 Dragonfly Summit เริ่มต้นจากแรงบันดาลใจที่ต้องการสร้างความเท่าเทียมทางเพศ และสร้างกระแสที่ทรงพลังไม่แพ้ขบวนการ LGBTQ+ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือการให้ความรู้แก่คนทุกเพศให้เข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น
“เราเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ” ส่วนแนวคิดหลักของ Dragonfly ในช่วงแรก ซึ่งในขณะนั้นได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์เกือบ 50 ราย รวมถึงผู้นำองค์กรหญิงจำนวนมากในประเทศไทย
เมื่อโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 Dragonfly Summit ได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดและทิศทาง โดยเปลี่ยนจากการเน้นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเพียงอย่างเดียว มาสู่แนวคิดที่กว้างขึ้นคือ “Lead Well” หรือการเริ่มต้นดูแลตัวเองจากภายในก่อน เพื่อส่งต่อพลังบวกและสร้างแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่กว่า
แนวคิดนี้สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่ wellness หรือสุขภาพองค์รวมได้กลายมาเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่เป็นการดูแลสุขภาพเชิงลึกทั้งกายและใจ โดยผสมผสานเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำให้ Dragonfly Summit ก้าวสู่การเป็นเวทีที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้นำควบคู่ไปกับสุขภาพองค์รวมอย่างแท้จริง ซึ่งปัจจุบันดำเนินมาเป็นปีที่ 2 แล้วภายใต้แนวคิด “สัมมนาแห่งผู้นำระดับเอเชีย”
Dragonfly Summit จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และได้รับการตอบรับอย่างดี โดยผู้เข้าร่วมสัมมนากว่าพันคนทั่วโลก แบ่งเป็นคนไทย 70% และชาวต่างชาติ 30% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง
“งานนี้ถือเป็นงานสัมมนาขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาคเอเชีย ที่จะช่วยขับเคลื่อนตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวมของไทย และดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ รวมถึงนักธุรกิจและผู้นำที่มีกำลังใช้จ่ายสูงให้เข้ามาในประเทศ”
เป้าหมายในอนาคต Dragonfly Summit มีแผนที่จะขยายการจัดงานไปสู่ประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตรสำหรับ "ผู้นำ" เพื่อฝึกอบรมให้กับองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์สังคมและโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นต่อไป
นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือ คุณวู้ดดี้ ผู้ร่วมก่อตั้ง Dragonfly 360 เปิดเผยแนวคิดเบื้องหลังการจัดงาน Dragonfly Summit ว่าการเป็นผู้นำที่ดีไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความรู้ แต่ต้องอาศัยพลังจากภายใน ทั้งความเข้าใจ ความเห็นใจ และความรัก เพื่อนำไปสู่การเป็นผู้นำที่มีความสุขอย่างแท้จริง
โดยมองว่าโลกกำลังเผชิญวิกฤตหลายด้าน ทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี AI ดังนั้นจึงอยากให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน เปรียบมนุษย์เหมือน “แมลงปอ” ที่สามารถบินได้ 360 องศา และต้องมีเครื่องมือที่พร้อมปรับตัวรับมือกับวิกฤตต่างๆ ได้ตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้ Dragonfly Summit จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นพื้นที่ให้ผู้นำได้มารวมตัวกันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับวิทยากรระดับโลก นักสร้างแรงบันดาลใจ และศิลปิน โดยนำแนวคิดด้าน Leadership (ความเป็นผู้นำ) และ Wellness (สุขภาวะ) มารวมเข้าด้วยกัน เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม
ซึ่งเชื่อว่าการมี Mindset ที่ดีจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเองได้ในที่สุด โดยเป้าหมายสำคัญของงาน Dragonfly Summit คือการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถนำแนวคิดดีๆ ที่ได้รับไปแบ่งปันกับคนในครอบครัว คนรอบข้าง และเพื่อนร่วมงาน เพื่อขยายการรับรู้และสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมให้ดียิ่งขึ้น
นางสาวซินเธีย คาร์เมน เบอร์บริดจ์ บิชอพ ผู้ร่วมก่อตั้ง Dragonfly 360 กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้าน Medical Wellness และสปาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก แต่ทาง Dragonfire Summit มองว่าเทรนด์นี้เป็นโอกาสที่มากกว่าการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยแล้วเท่านั้น
“คนจะมารักษาที่ไทยเพราะราคาดี หมอดี แต่ที่เราจะแตะก่อนคนจะป่วยคือเราจะดูแลตัวเองยังไงก่อนที่จะต้องผ่าตัดและไปรักษาในโรงพยาบาล”
แนวคิดนี้สอดคล้องกับคุณซินดี้ที่มองว่า การดูแลตัวเองคือสิ่งสำคัญที่นำไปปรับใช้ได้กับทุกแง่มุมของชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องของสปาหรือการรักษาพยาบาล
ในยุคที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนและความเครียดพุ่งสูง ผู้นำจึงเป็นกลุ่มคนที่ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ “ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี คนเรายิ่งเครียด ผู้นำยิ่งต้องดูแลตัวเอง ไม่งั้นพนักงานทุกคนก็ต้องเบิร์นเอาท์” การนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ และการมีกลยุทธ์ในการรับมือกับความเครียดจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้นำสามารถนำพาองค์กรผ่านวิกฤตไปได้
นายวุฒิธร กล่าวต่อว่า สำหรับปีนี้ Dragonfire Summit มาพร้อมกับธีม "Flow" หรือภาวะลื่นไหล คือช่วงเวลาที่เราอินกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนไม่ได้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้าหรือเร็ว ทุกอย่างปรับเข้าหากันเป็นเรื่องเดียวกัน เหมือนกับการอยู่ในน้ำ ถ้าเราต้านกระแสน้ำก็จะเหนื่อยใจ เหนื่อยกาย แต่ถ้าปล่อยให้ไหลไปตามน้ำก็จะใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Dragonfire Summit ไม่ได้ต้องการเป็นแค่ผู้จัดงานสัมมนาที่วิ่งตามเทรนด์ แต่ต้องการสร้าง คอมมูนิตี้ ที่แข็งแกร่ง มองว่าWellness เป็นเทรนด์มา 4-5 ปีแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่งานนี้สร้างคือพื้นที่ให้ผู้คนได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนความคิด และความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้นำที่ต้องการหาแรงบันดาลใจเพื่อกลับมาเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้ง
กลุ่มเป้าหมาย ของงานก็ไม่จำกัดอยู่แค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่มี Growth Mindset หรือต้องการพัฒนาตัวเอง ตั้งแต่เด็กอายุ 15 ไปจนถึงผู้สูงอายุ 70 ปี โดยแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
นางสาวประนัปดา กล่าวต่อว่า ทีมงานมีขนาดเล็กเพียง 10 คน แต่สิ่งที่ทำให้งานสำเร็จได้คือEnergy และ Passion ของทีม ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกันที่ใช้ในการเลือก Speaker ที่มีคุณภาพมาร่วมงานด้วย
โดยพลังงานของทุกคนที่มารวมกันทำให้การเชิญ Speaker เป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิดจากประสบการณ์ครั้งแรก ทีมงานได้เรียนรู้ว่าการสื่อสารภายในเป็นสิ่งสำคัญ และการกำหนดบทบาทที่ชัดเจนจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับปีนี้งานขายบัตรได้แล้วกว่า 82% โดยสัดส่วนลูกค้าองค์กร (B2B) เพิ่มขึ้นถึง 60% แสดงให้เห็นว่าองค์กรต่างๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาผู้นำและพนักงานมากขึ้น
Dragonfire Summit ไม่ได้มีเพียงงานสัมมนาใหญ่ปีละครั้ง แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีกิจกรรมเล็กๆ ตลอดทั้งปี เพื่อให้คอมมูนิตี้มีความต่อเนื่อง และยังคงมองหาแนวทางใหม่ๆ ในการจัดงาน อย่างเช่นการใช้เสียงบำบัด หรือการเพิ่มระยะเวลาของงานให้หลากหลายมากขึ้นในอนาคต
งาน Dragonfly Summit 2025 ได้รวบรวมผู้นำทางความคิดระดับโลกมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ โดยมีรายชื่อวิทยากรที่น่าสนใจดังนี้
ในงาน Dragonfly Summit 2025 งานสัมมนาด้านภาวะผู้นำ และสุขภาวะที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 – 28กันยายน 2568 ณ พารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ