เส้นทางจากนักแสดงชื่อดังสู่การเป็นนักธุรกิจของ "ออม สุชาร์ มานะยิ่ง" คือเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะในตลาดเครื่องสำอางที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
ตลาดความงามและเครื่องสำอางในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่าในปี 2568-2569 ตลาดเครื่องสำอางมีแนวโน้มที่จะขยายตัวราว 12-13% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 โดยตลาดนี้เต็มไปด้วยการแข่งขันและผู้เล่นใหม่ๆ ที่กำลังทยอยเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในแบรนด์ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคคือ “Fleen Beauty” ซึ่งก่อตั้งและดำเนินการโดย "สุชาร์ มานะยิ่ง" นักแสดงสาวที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงมายาวนานกว่า 19 ปี นอกจากบทบาทนักแสดงแล้ว ยังได้เปลี่ยนเส้นทางไปสู่การเป็นนักธุรกิจในวงการเครื่องสำอาง ด้วยแรงบันดาลใจจากความหลงใหลในเรื่องความงามและการแก้ปัญหาของตัวเองในฐานะผู้ใช้งานจริง
การตัดสินใจเริ่มต้นแบรนด์เครื่องสำอางเกิดจากปัญหาผิวแห้งที่สุชาร์พบเจออยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในระหว่างการแต่งหน้าในกองถ่าย และยากที่จะหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวแห้งและสามารถเติมเต็มความชุ่มชื้นได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Fleen Beauty ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งและต้องการการดูแลในระหว่างแต่งหน้า
Fleen Beauty ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ 5 รายการ ได้แก่ เซรั่ม, คุชชั่น, บลัชออน, คอนซีลเลอร์ และคอร์เร็กเตอร์ โดยผลิตภัณฑ์ทุกตัวเน้นการเป็นเครื่องสำอางที่มาพร้อมกับคุณสมบัติของสกินแคร์
ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในตลาดเครื่องสำอางในปัจจุบัน การผสมผสานคุณสมบัติของเครื่องสำอางและการบำรุงผิวในหนึ่งเดียว ถือเป็นจุดขายที่โดดเด่นของ Fleen Beauty ที่ตอบโจทย์ผู้หญิงทุกคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรืออยู่ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน Fleen Beauty ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการทำการตลาดเชิงรุกมากนัก แต่ยอดขายของผลิตภัณฑ์ในแต่ละตัวก็ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีความพิเศษเช่น Fleen Beauty Energize Tone Up Serum ที่ขายไปแล้วกว่า 100,000 ชิ้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Skin Caring Corrector และ Youth Up Aqua Covering Pact ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี
แผนการตลาดของ Fleen Beauty ในปีนี้จะเน้นไปที่การสร้างคอนเทนต์เชิงสร้างสรรค์และการสร้าง ‘Community Building’ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้ใช้จริง ก่อนหน้านี้กลุ่มลูกค้าหลักของ Fleen Beauty ส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของสุชาร์ แต่ในอนาคตแบรนด์จะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่ม Gen Z และกลุ่ม Alpha รวมถึงการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า
ทั้งนี้ Fleen Beauty ยังเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มากขึ้น และมีกลยุทธ์การขยายตลาดไปยังประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสุชาร์มีเป้าหมายที่จะทำให้ Fleen Beauty กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า
ด้วยการมีประสบการณ์การทำงานในวงการบันเทิงและความหลงใหลในความงาม สุชาร์จึงมองเห็นโอกาสในการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้จริง และในอนาคต Fleen Beauty ก็หวังว่าจะสามารถเป็นแบรนด์ที่ไม่เพียงแต่ขายสินค้าคุณภาพ แต่ยังเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในระดับสากล