"ตู้อัตโนมัติ" โตสวนกระแสเศรษฐกิจ 72% ชอบความสะดวก-ประหยัดเวลา
"ตู้อัตโนมัติ" โตสวนกระแสเศรษฐกิจ ผู้บริโภค 72% ชอบความสะดวก-ประหยัดเวลา-จ่ายง่าย "NUUI World" มีแผนขยายตู้ในกรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่ ตอบโจทย์พฤติกรรมยุคใหม่
การเติบโตของตู้อัตโนมัติหรือ Vending Machine ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัดในหลายธุรกิจ ตั้งแต่เครื่องจำหน่ายขนมและเครื่องดื่ม ไปจนถึงสินค้าประเภทของเล่นอย่าง Art Toy นอกจากนี้ ผลสำรวจจากมาร์เก็ตบัซซ (Marketbuzzz) ปี2567 ระบุว่า เทรนด์ตู้อัตโนมัติในไทยกำลังเติบโตและมีแนวโน้มที่ผู้บริโภคจะใช้บริการมากขึ้นในอนาคต
ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากบริษัทวิจัยอย่าง Grandviewresearch ที่เปิดเผยว่าตลาดเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Retail Vending Machine) ทั่วโลกมีมูลค่า 51.91 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2564 หรือประมาณ 1.89 ล้านล้านบาท และคาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 10.7% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2573
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตู้อัตโนมัติเจริญเติบโตคือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกสบายและการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้ความต้องการสินค้าในตู้จำหน่ายที่สามารถซื้อได้ทันทีมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทขนมและเครื่องดื่มที่เหมาะกับการบริโภคแบบ On-the-go ซึ่งสะดวกและประหยัดเวลา
ผลการสำรวจจากมาร์เก็ตบัซซ (Marketbuzzz) ในปี พ.ศ. 2567 ที่ได้สอบถามกลุ่มตัวอย่าง 977 คน พบว่า 56% ของผู้ตอบแบบสอบถามเคยซื้อสินค้าจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
โดยมีสัดส่วนการซื้อทุกสัปดาห์ 28%, ทุกเดือน 15%, และทุกวัน 13% ขณะที่เหตุผลหลักในการเลือกซื้อสินค้าจากตู้อัตโนมัติคือ ความสะดวกสบาย 72%, ประหยัดเวลา 50%, สินค้าพร้อมจำหน่าย 43%, หาเจอง่าย 29%, และช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย 27%
จะเห็นได้ว่า ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติช่วยตอบโจทย์ความสะดวกและประหยัดเวลาให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเข้าถึงสินค้าที่ต้องการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ในด้านการขยายธุรกิจ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติยังเป็นช่องทางใหม่ที่หลายบริษัทเลือกใช้ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจสุขภาพและอาหารเสริม เช่น บริษัท NUUI World ซึ่งนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทมาจัดจำหน่ายผ่านตู้กดอัตโนมัติ เพราะสะดวกจ่ายเงินง่าย
น.ส.ศิริพร ทองรุจิโรจน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท NUUI World กล่าวว่า โดยมีแผนติดตั้งตู้ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีสวิลล์เป็นแห่งแรก และในปีนี้จะเพิ่มเป็น 20 ตู้ในกรุงเทพฯ และขยายไปยังหัวเมืองใหญ่ในปีหน้า
บริษัทยังวางแผนเพิ่มพันธมิตรสินค้าในตู้จำหน่าย รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Health and wellness เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ทั้งนี้บริษัทมีแผนลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าของบริษัทเองใน 2-3 ปีข้างหน้าเพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น