ผู้ประกอบการค้าชายแดน “ไทย-กัมพูชา” หนุนความมั่นคงแม้ยอดขายชะงัก

นายประกอบ ไชยสงคราม ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง บริษัท ยงสงวนกรุ๊ป จำกัด จ.อุบลราชธานี เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สถานการรณ์ค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ตอนนี้น่าจะถือว่าหยุดชะงักตามประกาศการปิดด่าน โดยผู้ประกอบการไทยชะลอการส่งสินค้าไปขายยังฝั่งกัมพูชา ทั้งพ่อค้าแม่ค้าฝั่งกัมพูชาก็ไม่กล้าซื้อสินค้าไทยมากนัก เพราะกลัวนำผ่านออกจากด่านไม่ได้

ยกตัวอย่างในจังหวัดอุบลราชธานีที่มีด่านค้าชายแดนใหญ่ ประเมินจากสายตาของคนในพื้นที่ ทหารไทยค่อนข้างจริงจังและเอาจริงทั้งเตรียมพร้อมกับสถานการณ์เกิดขึ้น ผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายผ่านชายแดนก็เช่นกัน สนันสนุนความมั่นคงเต็มที่แม้ต้องขาดทุนหรือยอดขายตก แค่อยากให้ทุกอย่างจบลงในเร็ววันและมีความชัดเจน แต่ฝั่งกัมพูชากลับยืดเยื้อไม่จบสักที

"ตอนนี้แนวหมู่บ้านติดชายแดนไทย-กัมพูชาย ได้ขอความร่วมมือจากชาวบ้านอพยพแล้ว การค้าชายแดนกับกัมพูชาน่าจะเงียบหายไปเลยไม่ต่ำกว่า 10-20% แต่ถึงอย่างไรการใช้จ่ายในพื้นที่ก็ลดลงอยู่แล้ว ตามสถานการก็ตึงเครียดมาตั้งแต่ต้นเดือน และแน่นอนการปิดด่านไม่ได้ส่งผลกระทบต่อไทยฝ่ายเดียว แต่กระทบต่อคนกัมพูชาด้วย และกระทบมากกว่าคนไทยอย่างแน่อน" 

ด้าน นายนายมงคล จุลทัศน์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า จากสถานกรณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ในพื้นที่ตึงกำลังทหารเป็นจำนวนมาก ในเรื่องการค้าแน่นอนว่ากระทบกับผู้ประกอบการ B2B ประเภทสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ ที่ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการกัมพูชาจะสั่งซื้อสินค้าไทยไปขาย แต่ฝั่งไทยมักจะซื้อสินค้าจากชาวบ้านกัมพูชาประเภทผัก ผลไม้ ของป่า ซึ่งมูลค่าไม่มาก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่กระทบต่อการค้าขายของชาวบ้านคนไทยในพื้นที่มากนัก

ทั้งนี้ ภาคเอกชน รัฐบาล และกองทัพได้ทำงานร่วมกันอยู่และเร่งเจรจาในเรื่องเขตแดนซึ่งมีปัญหามานานแล้ว ขณะที่เรื่องค้าชายแดนก็มีอัตราการเติบโตขึ้นทุกปี

นายนายมงคล กล่าวว่า ปัจจุบันเรื่องนี้ถือว่ายังไม่มีความแน่นอน พ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการชายแดนไทย-กัมพูชา ค่อนข้างมีความกังวลเพราะหากไม่ปิดด่านก็เงียบเหงาเหมือนถูกปิดแล้ว แต่การประกาศปิดด่านแบบทางการถือเป็นแนวทางเพื่อความปลอดภัยที่ชัดเจน ซึ่งคนในพื้นที่รวมถึงชาวบ้านเข้าใจ และพร้อมเผชิญเหตุแม้ไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย