เบดร็อค ผนึก พันธมิตรสร้าง "ท้องถิ่นอัจฉริยะ" สู่ Smart City ด้วย IoT

28 เม.ย. 2568 | 08:37 น.
อัปเดตล่าสุด :28 เม.ย. 2568 | 09:24 น.

เบดร็อค ผนึก ดีป้า และ เอ็นเอ็มบี มินีแบไทย วางรากฐานเทคโนโลยีดิจิทัลสร้าง “ท้องถิ่นอัจฉริยะ” ทั่วไทยด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมืองและ IoT สู่ Smart City

นายวีรวัฒน์ รัตนวราหะ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่สำคัญและเป็นรากฐานอันมั่นคงสำหรับการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่แข็งแกร่งสำหรับภาคท้องถิ่น ครอบคลุม ด้านพลังงานอัจฉริยะ คุณภาพชีวิตที่ดี และสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ

อันเป็นผลสืบเนื่องจากความตระหนักถึงความสำคัญและความท้าทายในการบริหารจัดการเมืองในยุคดิจิทัล ทั้งสามหน่วยงานได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง และเทคโนโลยี Internet of Things (IoT)

เบดร็อค ผนึก พันธมิตรสร้าง "ท้องถิ่นอัจฉริยะ" สู่ Smart City ด้วย IoT

ในฐานะเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อนและสนับสนุนการตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน โดยสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อน

เป้าหมายหลักของความร่วมมือในครั้งนี้คือ การบูรณาการเทคโนโลยีและองค์ความรู้เพื่อวางรากฐานดิจิทัล ที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาท้องถิ่น โดย เบดร็อค อนาไลติกส์ จะดำเนินการผสานรวมเทคโนโลยี City Digital Data Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับรวบรวม ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์ต่าง ๆ ของเมือง

ขณะที่ เอ็นเอ็มบี มินีแบ ไทย มุ่งเน้นการจัดหาเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ที่ล้ำสมัย ซึ่งสนับสนุนการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ อาทิ ระบบโคมไฟถนนอัจฉริยะทั้งระบบเซ็นเซอร์วัดสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมและเซ็นเซอร์ที่จอดรถ 

เบดร็อค ผนึก พันธมิตรสร้าง "ท้องถิ่นอัจฉริยะ" สู่ Smart City ด้วย IoT

เพื่อปฏิบัติงานร่วมกับแพลตฟอร์มของ เบดร็อค อนาไลติกส์ ความร่วมมือของ 3 หน่วยงาน จะส่งเสริม สนับสนุน และเผยแพร่ การนำเทคโนโลยีข้อมูลเมืองและ IoT ไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ พร้อมทั้งยกระดับทักษะความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัลของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การขับเคลื่อนสู่ “ท้องถิ่นอัจฉริยะ” ได้อย่างเป็นรูปธรรมและครอบคลุม

นายวีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า บทบาทของแพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของข้อมูลหลากหลายมิติ ที่สามารถสะท้อนภาพรวมของเมืองในการยกระดับเมืองให้ดียิ่งขึ้น แพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง ที่บริษัทพัฒนาขึ้นนี้ มีบทบาทเป็นศูนย์กลางข้อมูลอัจฉริยะสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของเมือง

ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้หน่วยงานระดับท้องถิ่น สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ วางแผนยุทธศาสตร์ และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ

“ความร่วมมือกับ ดีป้า และ เอ็นเอ็มบี มินีแบ ไทย ในครั้งนี้ จะส่งเสริมและเร่งรัดให้เกิดการนำข้อมูลไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นอัจฉริยะ ได้อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วยิ่งขึ้น"

ขณะที่ Mr. Yoshihiro Sakanushi ประธานบริษัท เอ็นเอ็มบี-มินีแบไทย จำกัด กล่าวว่า เอ็นเอ็มบี มินีแบ ไทย จะให้การสนับสนุนด้านอุปกรณ์ และโซลูชันที่จำเป็นสำหรับเมืองอัจฉริยะ อาทิ ระบบโคมไฟถนนอัจฉริยะที่สามารถปรับระดับความสว่างได้ 

รวมถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพแวดล้อมแบบบูรณาการที่หลากหลาย ครอบคลุมถึง การวัดอุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณน้ำฝน และอื่น ๆ ทั้งหมดในอุปกรณ์เดียว นอกจากนี้บริษัทยังเสนอแนะเซ็นเซอร์จอดรถอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและอำนวยควาสะดวกในการค้นหาที่จอดรถ

“อุปกรณ์เหล่านี้จะมีบทบาทเสมือน 'ระบบรับรู้' ของเมือง ในการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์จากสภาพแวดล้อมจริง เพื่อป้อนเข้าสู่ระบบข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และการใช้งานต่อไป”

เบดร็อค ผนึก พันธมิตรสร้าง "ท้องถิ่นอัจฉริยะ" สู่ Smart City ด้วย IoT

ด้าน ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ดีป้าจะดำเนินบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิด 'ท้องถิ่นอัจฉริยะ' ในหลากหลายมิติ อันได้แก่

1.การยกระดับทักษะดิจิทัลแก่บุคลากรท้องถิ่น

2.การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่เทคโนโลยีให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

3.การให้คำปรึกษาแก่หน่วยงานที่สนใจ

4.การส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้จริง

ความร่วมมือกับ เบดร็อค อนาไลติกส์ และ เอ็นเอ็มบี มินีแบ ไทย ในครั้งนี้ จึงเป็นการผสานศักยภาพของภาคเอกชนด้านเทคโนโลยีเข้ากับการส่งเสริมจากภาครัฐ เพื่อสร้างสรรค์ระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยต่อการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาพัฒนาท้องถิ่นทั่วประเทศอย่างยั่งยืน

ภายใต้กรอบความร่วมมือระยะเวลา 3 ปี ทั้งสามหน่วยงานจะดำเนินกิจกรรมร่วมกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง อาทิ การจัดประชุม สัมมนา และนิทรรศการ เพื่อถ่ายทอดความรู้และแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีและโซลูชันต่างๆ การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และสื่อมวลชน

เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการศึกษาวิจัยและการตีพิมพ์บทความ เพื่อสร้างองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่นและเมืองอัจฉริยะ ​(Smart City) ในระยะยาว

นายวีรวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย “ผลลัพธ์อันเกิดจากความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการนำเทคโนโลยีมาติดตั้ง หากแต่เป็นการก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการท้องถิ่น การยกระดับทักษะบุคลากร และการสร้างความเข้าใจถึงประโยชน์ของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย”