นักธุรกิจไทย-ต่างชาติแห่ลงทุน 4.5 หมื่นล้าน 2 เดือนแรกปี 67

05 มี.ค. 2567 | 07:13 น.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย นักลงทุนแห่จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ม.ค.-ก.พ. ปี 67 ทุนรวม 4.5 หมื่นล้านบาท จำนวน 17,270 ราย ชี้ธุรกิจก่อสร้าง-อสังหาฯ-ร้านอาหาร จดธุรกิจมากสุด คาดไตรมาสแรก มีการจดทะเบียนฯใหม่ กว่า 23,000-27,000 ราย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปี  2567  มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าไตรมาสแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์) มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 23,000-27,000 ราย โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการบริโภคของภาคเอกชนที่มีการยายตัวเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โครงการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจภาครัฐขนาดใหญ่กลับมาเดินหน้าต่อ รวมถึง นโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจการลงทุน

สำหรับ เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 17,270 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 45,794.41 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น 267 ราย หรือเพิ่มขึ้น 1.57% ทุนจดทะเบียนรวมเพิ่มขึ้น 5,807.51 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 14.52% โดยเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 ธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

  1.  ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 1,378 ราย (7.98%) ทุนจดทะเบียน 3,020.09 ล้านบาท (6.59%)
  2.  ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,311 ราย (7.58%) ทุนจดทะเบียน 5,275.20 ล้านบาท (11.51%)
  3. ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร 743 ราย (4.30%) ทุนจดทะเบียน 1,374.09 ล้านบาท (3.00%)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

และปัจจุบัน มีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ ทั้งหมด 905,544 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 21.86 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น

  • บริษัทจำกัด 703,449 ราย คิดเป็น 77.68%
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 200,644 ราย คิดเป็น 22.16%
  • บริษัทมหาซนจำกัด 1,451 ราย คิดเป็น 0.16%

ขณะที่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 109 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการ ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 37 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 72 ราย เงินลงทุนรวม 26,542 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 564 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่

  1. ญี่ปุ่น 31 ราย เงินลงทุน 15,930 ล้านบาท
  2. สิงคโปร์ 18 ราย เงินลงทุน 1,760 ล้านบาท  
  3. สหรัฐอเมริกา 15 ราย เงินลงทุน 959 ล้านบาท
  4. ฮ่องกง 7 ราย เงินลงทุน 621 ล้านบาท