พาณิชย์ เผยไทยใช้สิทธิ์FTA ส่งออก ม.ค.-พ.ย. ปี 66 อาเซียนขึ้นแท่นอันดับ1

07 ก.พ. 2567 | 03:45 น.

กรมการค้าต่างประเทศ เผยตัวเลขการใช้สิทธิฯ FTA ม.ค. - พ.ย. ปี 66 มีมูลค่ารวม 75,725.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดอาเซียนขึ้นแท่นอันดับหนึ่งใช้สิทธิฯ FTA ส่งออกมากที่สุด

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของช่วงเดือนมกราคม - พฤศจิกายน ปี 2566 มีมูลค่าส่งออกรวม 75,842.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 82.66% ของการส่งออกสินค้าที่ไทยได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA

โดย FTA ที่ไทยใช้สิทธิฯ ส่งออกมากเป็นอันดับหนึ่งยังคงเป็นความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) มีมูลค่า 27,584.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ คิดเป็น 75.85 % ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ

พาณิชย์ เผยไทยใช้สิทธิ์FTA ส่งออก ม.ค.-พ.ย. ปี 66 อาเซียนขึ้นแท่นอันดับ1

ซึ่งการใช้สิทธิฯส่งออกมากที่สุด ได้แก่

1.เวียดนามสูงที่สุดมูลค่า 6,795.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2.อินโดนีเซีย มูลค่า 6,726.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

3. มาเลเซีย มูลค่า 6,341.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

4. ฟิลิปปินส์ มูลค่า 4,986.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

5.กัมพูชา มูลค่า 926.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

สำหรับสินค้าที่มูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1.ยานยนต์สำหรับขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน

2.น้ำตาลที่ได้จากอ้อย

3.น้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัส

4.รถยนต์สำหรับขนส่งบุคคล ความจุกระบอกสูบเกิน 1,500 - 2,500 ลบ.ซม.

5.เครื่องจักรอัตโนมัติ

ทั้งนี้ ความตกลง FTA ฉบับอื่นของไทยนอกจากความตกเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ที่มีการใช้สิทธิประโยชน์สูงรองลงมา ได้แก่ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน - จีน (ACFTA) มูลค่า 22,059.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ เป็น 93.81 % ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิ โดยสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงที่สุด 5 อันดับแรกภายใต้ความตกลง ACFTA ได้แก่

1.ทุเรียนสด

2.ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ

3. มันสำปะหลัง

4.สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง

5.โพลิเมอร์ของเอทิลีน

นอกจากนี้ ยังมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA) มีมูลค่า 6,344.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 77.66 % ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ โดยสินค้าสำคัญที่มูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงที่สุดภายใต้ความตกลงฯคือเนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง อันดับ

ขณะที่ความตกลงการค้าเสรีไทย - ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 5,802.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 61.76 % ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ โดยสินค้าสำคัญที่มูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงที่สุดภายใต้ความตกลงฯ เป็นรถยนต์และยานยนต์ที่มีเครื่องดีเซลหรือกึ่งดีเซล

พาณิชย์ เผยไทยใช้สิทธิ์FTA ส่งออก ม.ค.-พ.ย. ปี 66 อาเซียนขึ้นแท่นอันดับ1

ส่วนความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 4,987.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 69.13 % ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ โดยมีลวดทองแดงเป็นสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์สูงที่สุดภายใต้ความตกลงดังกล่าว

นอกจากความตกลง FTA 5 ฉบับที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีความตกลง FTA ฉบับอื่น ๆ ของไทยที่มีการใช้สิทธิฯ ด้วยเช่นกัน และแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในระดับสูง แต่การใช้สิทธิฯ ภายใต้ความตกลง FTA ดังกล่าว ก็มีส่วนช่วยในการลดต้นทุนให้กับผู้ส่งออกของไทยได้

ตัวอย่างเช่น ความตกลงอาเซียน - เกาหลี (AKFTA) มูลค่า  3,303.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐและมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ เป็น 66.50 % และความตกลงไทย - ชิลี (TCFTA) มูลค่า 345.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐและมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ เป็น 93.78 % ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ใหัผู้ประกอบการมีความรู้ในการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA โดยเฉพาะเรื่องกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า และขั้นตอนการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าผ่านระบบการให้บริการด้วยนวัตกรรมดิจิทัลของกรมการค้าต่างประเทศ

โดยกรมฯ ได้จัดสัมมนาเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการไทยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้ามาโดยตลอด และในปี 2567 มีแผนจัดการสัมมนาภายใต้โครงการส่งเสริม SME ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล เรื่อง ยกระดับการค้าสู่สากลด้วยสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA อีก 5 ครั้งตามจังหวัดสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา และนครพนม

รวมถึงการจัด Workshop ให้ผู้ประกอบการได้ทดลองใช้ระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบไร้กระดาษ (ROVERs PLUS) เสมือนจริง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนกลยุทธ์การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA ตามสถานการณ์ทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป