"จุรินทร์" เปิดยอดจดทะเบียนธุรกิจ ม.ค.66 พุ่ง 8,466 ราย โตเพิ่ม 6%

24 ก.พ. 2566 | 03:15 น.

"จุรินทร์" เปิดยอดจดทะเบียนธุรกิจ ม.ค.66 พุ่งกว่า 8,466 ราย โตเพิ่ม 6% ทุนจดทะเบียนร่วม 20,841 ล้านบาท ธุรกิจตั้งใหม่ 3 อันดับแรก "ก่อสร้าง-อสังหาฯ-ร้านอาหาร"

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงยอดการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ประจำเดือนมกราคม 2566 โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

ผลการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมกราคม 2566 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศในเดือนมกราคม 2566 จำนวน 8,466 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 20,847.11 ล้านบาท ซึ่งประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 

ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป  704 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ 545 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 379 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ

 

\"จุรินทร์\" เปิดยอดจดทะเบียนธุรกิจ ม.ค.66 พุ่ง 8,466 ราย โตเพิ่ม 6%

 

และเมื่อแบ่งตามช่วงทุน  ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 5,787 ราย คิดเป็น 68.36% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท 2,585 ราย คิดเป็น 30.53% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 83 ราย คิดเป็น 0.98% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 11 ราย คิดเป็น 0.13% ตามลำดับ

สำหรับธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนมกราคม 2566 มีจำนวน 1,297 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ 4,268.20 ล้านบาท ซึ่งประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 141 ราย คิดเป็น 11% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 54 ราย คิดเป็น 4% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 44 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ 

โดยธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุนดังนี้ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท 911 ราย คิดเป็น 70.24% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท 333 ราย คิดเป็น 25.67% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 48 ราย คิดเป็น 3.70% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 5 ราย คิดเป็น 0.39% ตามลำดับ

สำหรับธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ เดือนมกราคม 2566 มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น(ณ วันที่ 31 ม.ค. 66) จำนวน 857,511 ราย  มูลค่าทุน 21.36 ล้านล้านบาท เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 201,641 ราย คิดเป็น 23.52% บริษัทจำกัด 654,488 ราย คิดเป็น 76.32% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,382 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

แบ่งตามช่วงทุนดังนี้ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท 503,956 ราย คิดเป็น 58.77% รวมมูลค่าทุน 0.44 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.07% รองลงมา ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท 259,557 ราย คิดเป็น 30.27% รวมมูลค่าทุน 0.88 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.14% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 76,550 ราย คิดเป็น 8.93% รวมมูลค่าทุน 2.10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9.84% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 17,448 ราย คิดเป็น 2.03% รวมมูลค่าทุน 17.93 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.95% ตามลำดับ

ทั้งนี้ การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวเดือนมกราคม 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 52 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 22 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 30 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,129 ล้านบาท ลดลง 69% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (ธันวาคม 2565)

และลดลง 47% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (ม.ค. 2565) นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 14 ราย เงินลงทุน 3,588 ล้านบาท สิงคโปร์ 6 ราย เงินลงทุน 410 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 6 ราย เงินลงทุน 9 ล้านบาท ตามลำดับ