นอท “กองสลากพลัส” แจงเส้นทางเงิน ซัดที่ปรึกษานักการเมืองจ้องเล่นงาน

30 ธ.ค. 2565 | 10:16 น.

นอท “กองสลากพลัส” แจงเส้นทางเงินทำธุรกิจ กว้านซื้อลอตเตอรี่ ท้าตรวจสอบภาษี ซัดเจอที่ปรึกษานักการเมืองจ้องเล่นงาน รับตัวเองเก่ง ทำยอดขายปีนี้โต 1.8 หมื่นล้านบาท

นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท “กองสลากพลัส” ผู้บริหารบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายลอตเตอรี่ออนไลน์ แถลงข่าวชี้แจงกรณีการทำธุรกิจหลังมีประเด็นเรื่องการสอบเส้นทางการเงินและการตรวจสอบภาษีจากการดำเนินธุรกิจ โดยระบุว่า 

 

กองสลากพลัสไม่เคยเลี่ยงภาษีแม้แต่บาทเดียว จนถึงตอนนี้ได้ชำระภาษีครบถ้วนและไม่มีข้อผิดพลาด แต่ถ้าผิดพลาดแล้วกรมสรรพากรตรวจเจอก็ไปแก้ไข และเสียค่าปรับ ก็เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจอยู่แล้ว 

 

ทั้งนี้ยอมรับว่า ตัวเองได้เตรียมความพร้อมเรื่องของการตรวจสอบทั้งเส้นทางการเงิน และภาษี ตั้งแต่วันแรก เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าในอนาคตจะต้องเจออะไรบ้าง และการมาแถลงรายละเอียดครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ออกมาพูดทั้งหมดที่ทุกคนอยากรู้ และในการทำธุรกิจปีหน้าจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน

 

“ผมเองก็เหนื่อยที่ต้องมานั่งตอบคำถามสังคม และมาตอบสื่อซ้ำ ๆ แล้วการที่ผมถูกขุดคุ้ยผมทราบมาว่า มีคนบางคนอยู่เบื้องหลัง เป็นที่ปรึกษานักการเมืองบางคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งผมเองก็เคยช่วยเหลือเขา และก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเจอแบบนี้”

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท “กองสลากพลัส”

นายพันธ์ธวัช ระบุว่า การรวบรวมลอตเตอรี่มาขายผ่านแพลตฟอร์มนั้น เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้วในวงการลอตเตอรี่ โดยส่งเจ้าหน้าที่ไปกว้านซื้อลอตเตอรี่จาก 3 แหล่ง คือ ตลาดสนามบินน้ำ สี่แยกคอกวัว และวังสะพุง จังหวัดเลย มาขายบนแผงในโลกออนไลน์ รวมทั้งมีบางส่วนที่มาส่งที่สำนักงานของกองสลากพลัส  

 

ส่วนการหาลอตเตอรี่มาได้มากถึง 13-14 ล้านใบนั้น เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ได้เริ่มขายมาตั้งแต่ 2,285 ใบ จากนั้นจึงมีจำนวนเพิ่มต่อเนื่อง โดยมาเพิ่มแบบก้าวกระโดดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งราคาที่ซื้อมาขายนั้นรับมาใบละ 98 บาท 

 

ทั้งนี้นายพันธ์ธวัช บอกว่า เมื่อซื้อมาแล้ว กองสลากพลัส จะนำมาขายในราคา 80 บาท รวมกับค่าดำเนินการ 25 บาท เป็น 105 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าการขายตลาดใบละ 120 บาทด้วย

 

ขณะที่การบริหารเงินสดในแต่ละงวดจะใช้เงินประมาณ 1,200 บาทต่องวด ซึ่งวันแรกจะซื้อ 6 ล้านใบ ใช้เงินประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งวันแรกที่เปิดขายจะมีกระแสเงินสดเข้ามาจากนั้นจึงนำเงินที่เข้ามาไปซื้อลอตเตอรี่ใหม่ และทำอย่างนั้นเป็นรอบ ๆ ซึ่งยืนยันว่า เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ ล่าสุดมีหนี้อยู่ 1,100 ล้านบาท แต่โชคดีที่หนี้ทั้งหมดคือเงินสด และเมื่อนำไปซื้อลอตเตอรี่ เงินนั้นก็ยังอยู่หมุนเวียนในบริษัท ไม่ได้ไปซื้อบ้าน ซื้อรถอะไร

 

ภาพประกอบข่าว “กองสลากพลัส”  

ขณะที่งบการเงินปี 2564 มีลงบัญชีเงินกู้ระยะสั้น แต่ไม่มีการลงรายจ่ายดอกเบี้ย ยอมรับว่าไม่ใช่การเลี่ยงภาษี เพราะรายจ่ายดอกเบี้ยมีกำหนดจ่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 จึงไม่แสดงในบัญชีงบการเงินนำส่งปี 2564 

 

ส่วนการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากการให้บริการอัตรา 7% และการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิ อัตรา 20% ณ วันสิ้นรอบบัญชี นั้น นายพันธ์ธวัช แจ้งว่า ภาษีเงินได้นิติบุคคล ในปี 2563 ไม่มี เพราะเพิ่มเริมทำธุรกิจ ซึ่งในปี 2564 มีรายจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล 2.4 ล้านบาท แม้ว่าจะมียอดขาย 1,000 ล้านบาท แต่มีกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายแค่ 2% เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามในปี 2565 ครึ่งปีได้ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลไปแล้ว 9.73 ล้านบาท ซึ่งมีคำถามว่าทำไมน้อยทั้งที่ยอดขายปีนี้มีกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ยอบรับว่า เป็นเพราะยอดขายครึ่งปีแรกมีน้อย แต่มาเพิ่มสูงในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเบื้องต้นผู้สอบบัญชี ได้คำนวณภาษีครึ่งปีหลังประมาณ 90 ล้านบาท ดังนั้นทั้งปี 2565 คาดว่าจะเสียภาษีประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งเตรียมเงินไว้แล้ว

 

ภาพประกอบข่าว “กองสลากพลัส”

 

ส่วนการจ่ายแวต 7% ที่ผ่านมา กองสลากพลัสไม่มีการเก็บค่าบริการ ทำให้ไม่ต้องชำระภาษี เพราะเป็นไปตามประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ฉบับที่ 239 แต่เมื่อปรับรูปแบบคิดค่าบริการ จึงชำระภาษีทุกงวด 7% ประมาณเดือนละ 30 ล้านบาท ส่วนกำไรปี 2565 ซึ่งฝ่ายบัญชีสรุปเบื้องต้นมาให้เบื้องต้น คาดว่าจะมีประมาณ 400 ล้านบาท

 

“ที่ผ่านมาตัวเองเสียภาษีส่วนตัวเป็นล้าน และอยากเสียภาษี ส่วนยอดขายปีนี้สูงมากกว่า 1.8 หมื่นล้าน เติบโตกว่า 1,800% อยากตอบตรงนี้เลยว่าผมเก่ง ทีมงานผมเก่งมาก ทำงานกันไม่ได้หลับได้นอน” นายพันธ์ธวัช ระบุ