กัญชงยังฮ็อตดันตลาด "CBD" เอเชียแปซิฟิกโตทะลุ30%

27 ต.ค. 2565 | 11:07 น.

เทรนด์การใช้สารสกัด CBD จากกัญชงในแถบเอเชีย-อาเซียนได้รับความนิยมมากขึ้น ดันมูลค่าตลาดแตะ 173.36 ล้านเหรียญสหรัฐและคาดว่ามูลค่าตลาดจะทะลุ 67,301 ล้านบาทภายในปี 2572 ไทยลีฟเด้งรับดีมานด์เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ CBD ตอบโจทย์ตลาดการแพทย์ไทยและอาเซียน

จากผลสำรวจ Data Bridge Market ได้มีการวิเคราะห์มูลค่าการเติบโตของตลาด CBD ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวม 21 เขตพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญที่มีการส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าการลงทุนระหว่างกัน พบว่า ในปี 2564 มีมูลค่า 173.36 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6,646 ล้านบาท และคาดว่าภายในปี 2572 จะเพิ่มขึ้นถึง 1,755.34 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 67,301 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 33.56 

กัญชงยังฮ็อตดันตลาด "CBD" เอเชียแปซิฟิกโตทะลุ30%

นอกเหนือจากฝั่งอเมริกาและยุโรป การใช้สารสกัด CBD จากกัญชง กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในแถบเอเชีย-อาเซียน เนื่องจากประสิทธิภาพการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะการนำไปใช้ประโยชน์ในวงการเฮลธ์แคร์ 

 

 

นายยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่าไทยลีฟ ได้เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว รวมถึงการเปิดเสรีการใช้สาร CBD จากกัญชงในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศแรกในเอเชีย จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในการเดินหน้าสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ฟาร์มาซูติคอล เพื่อสนับสนุนวงการแพทย์ในตลาดไทยและตลาดอาเซียน โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานโลก และตอบโจทย์กับภาวะทางสุขภาพของคนในภูมิภาค รวมถึงสินค้าที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ต่างๆ

นายยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด

โดยในช่วงต้นปี 2566  ผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มแรกที่จะเริ่มวางจำหน่ายได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่มที่จะพัฒนาเครื่องดื่มเสริมอาหาร (Functional Drinks) ผสมสาร CBD จากกัญชง ถัดมาคือ กลุ่มอาหารเสริม ที่จะมาในรูปแบบของ Snack Bar ซึ่งเป็นอาหารทานเล่นที่มีประโยชน์ และกลุ่มเวชสำอาง เช่น คลีนเซอร์โทนเนอร์ เซรั่ม โลชั่น ที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน ราคาย่อมเยาว์ ปลอดภัยต่อทุกคน

“ประชากรส่วนใหญ่ในอาเซียน รวมถึงคนไทย กำลังเผชิญปัญหาทางสุขภาพอย่าง โรคนอนไม่หลับ โรคเครียดและวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า การรับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ซึ่งสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้หลายคนประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ เช่น ค่าอาหาร ปัญหาการทำงาน รวมถึงไลฟ์สไตล์ชีวิตที่ติดกับเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้กระทบต่อการพักผ่อนที่ลดน้อยลง

กัญชงยังฮ็อตดันตลาด "CBD" เอเชียแปซิฟิกโตทะลุ30%

ดังนั้น ไทยลีฟ เชื่อมั่นว่าการทำผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัด CBD จากกัญชง ซึ่งมีสรรพคุณหลักในการช่วยผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น และอุดมด้วยสารต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โปรตีน ช่วยซ่อมแซมร่างกาย โอเมก้า 3 ช่วยเรื่องระบบประสาทและสมอง ลดการอักเสบในร่างกาย เสริมระบบภูมิคุ้มกัน จึงเป็นตัวเลือกใหม่ที่เหมาะกับทุกคนในยุควิถีชีวิตใหม่ และผลิตภัณฑ์ของไทยลีฟย่อมตอบโจทย์ทุกคน

 

แต่อย่างไรก็ตาม การขยายแผนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างประเทศ ต้องพิจารณากฏหมายในแต่ละประเทศสำหรับประกอบการส่งเข้า หรือจำหน่ายได้ ซึ่งถ้าตลาดของประเทศนั้นๆ มีกฎหมายที่ชี้แจงข้อปฏิบัติ ที่ทำได้อย่างชัดเจน ด้วยกำลังความสามารถทางการผลิต เครื่องมือ และทีมผู้เชี่ยวชาญ ทางไทยลีฟก็พร้อมในการนำธุรกิจกัญชงไทย ไปเปิดตลาดที่ประเทศเหล่านั้นทันที”

กัญชงยังฮ็อตดันตลาด "CBD" เอเชียแปซิฟิกโตทะลุ30%

นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ไทยลีฟยังนำองค์ความรู้ต่างๆ จากคอร์เนลล์มาใช้ในกระบวนการธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น 

1. การปลูกกัญชงเพื่อให้ได้ค่าสาร CBD ที่สูงที่สุด ซึ่งปัจจุบัน การปลูกกัญชงโดยเฉลี่ยจะได้ค่าสาร CBD อยู่ที่ร้อยละ 18 – 22 แต่กัญชงของไทยลีฟที่พัฒนาร่วมกับคอร์เนลล์ มีค่าสูงถึงร้อยละ 26 เหมาะกับอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ รวมถึงการสร้างรายได้ใหม่ให้กับเกษตรกรซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ 

 

2. การสร้างระบบกัญชงแบบ Zero Waste การบริหารธุรกิจโดยตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม เป็นพันธกิจสำคัญข้อหนึ่งของไทยลีฟ ซึ่งนอกจากจะใช้ช่อดอกกัญชง เพื่อสกัดสาร CBD แล้ว ส่วนบริเวณอื่นๆ ยังมีการบริหารเพื่อลดการเกิดขยะทางสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น ‘ต้น’ นำไปจำหน่ายต่อเพื่อพัฒนาทำเครื่องนุ่งห่ม ‘ใบ’ ต่อยอดพัฒนาทำผลิตภัณฑ์อาหาร ‘ราก’ นำมาเก็บสกัด เนื่องจากอุดมด้วยสารดีๆ อีกเป็นจำนวนมาก 

 

3. การสกัดค่า CBD ตามมาตรฐานขั้นสูงสุด การสกัดสาร CBD จากกัญชงเพื่อให้ได้สารสกัดที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุดของไทยลีฟ มีการใช้โรงงานสกัดที่มีมาตรฐานระดับสูงสุด คือ GMP PIC/S เป็นมาตรฐานเดียวกับโรงงานยาตามมาตรฐานโลก ซึ่งจะมีการควบคุมดูแลตั้งแต่การทำความสะอาดห้อง การเข้าออกห้อง การเปลี่ยนชุด การควบคุมจำนวนคนที่เข้าไปห้องปฏิบัติการ ทั้งนี้ การมีสถานที่ปฏิบัติการดังกล่าวผนวกกับการปลูกกัญชงที่ได้มาตรฐานตั้งแต่ต้น ย่อมส่งต่อผลดีในการทำผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัด CBD ให้มีคุณภาพในรูปแบบต่างๆ ต่อไปได้ในอนาคต