ลากยาว “สกพอ.” เลื่อนแก้สัญญาร่วมทุนไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ปลายปีนี้

04 ต.ค. 2565 | 07:43 น.

“สกพอ.” ตีกลับแก้สัญญาร่วมทุนไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน สั่งคลังเคลียร์แผนชำระค่าบริหารสิทธิแอร์พอร์ตลิงก์ แก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนไฮสปีดไทย-จีน ปรับแผนชงครม.เคาะปลายปี 65-ต้นปี 66

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการแก้สัญญาร่วมลงทุนฉบับใหม่ โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม3สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้ประชุมคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สกพอ. และบริษัท เอเชีย เอรา วัน (เอกชนคู่สัญญา) เพื่อเจรจาหาข้อยุติในร่างสัญญาร่วมกัน

 

 

 

ทั้งนี้ในการประชุมพบว่าขณะนี้สัญญาดังกล่าวยังไม่ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุม กบอ.เนื่องจากที่ประชุมได้มอบหมายให้สอบถามความเห็นไปยังกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับประเด็นทางการเงินทั้งการทยอยชำระค่าบริหารสิทธิแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และการชำระค่าก่อสร้างงานโยธาพื้นที่ทับซ้อนโครงการรถไฟไทย – จีน เบื้องต้นคาดว่าจะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม กบอ.อีกครั้งในเดือน ต.ค.นี้ คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนได้ในช่วงปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566 ก่อนส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนในช่วงเดือน ม.ค.2566

 

 


ส่วนการแก้ไขสัญญาสัมปทานร่วมลงทุน เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการทับซ้อนงานโยธาโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม3สนามบิน กับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน) สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง รวมไปถึงกรณีการชำระเงินค่าสิทธิเอกชนร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
 

ขณะที่ความคืบหน้าการแก้ปัญหาส่งมอบพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการรถไฟนั้น ครม. ได้เห็นชอบตามที่ สกพอ.เสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งมอบพื้นที่บริเวณพื้นที่โรงงานมักกะสัน ตามที่ก่อนหน้านี้พบว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถส่งมอบได้เนื่องจากติดปัญหาลำรางสาธารณะ โดยการขอความเห็นชอบจาก ครม.ครั้งนี้ เป็นไปตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2565 สกพอ. และกรมที่ดินได้ประชุมหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่เห็นชอบให้ สกพอ. กรมที่ดิน และกระทรวงมหาดไทยเร่งสรุปปัญหาอุปสรรคที่เกิดจากการดำเนินการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน

 

 

 

 นอกจากนี้ที่ประชุมระหว่าง สกพอ.และกรมที่ดิน เห็นควรเสนอให้มีการแก้ไขหรือทบทวนระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขออนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2543 กรณีที่ใช้บังคับในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เนื่องจากปัจจุบันระเบียบดังกล่าว ก่อให้เกิดความไม่สะดวก ล่าช้าซ้ำซ้อนหรือเป็นการเพิ่มภาระการดำเนินการโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาโครงการรถไฟฯ 3 สนามบิน ได้เต็มศักยภาพ

 

 

 

ทั้งนี้ได้เสนอให้แก้ไขหรือทบทวนระเบียบกระทรวงมหาดไทย อาทิ ข้อ 25 วรรคสอง ของระเบียบดังกล่าวกำหนดให้การอนุญาต ให้อนุญาตตามกำหนดเวลา ซึ่งสมควรกับกิจการที่กระทำภายในกำหนดไม่เกินห้าปีนับแต่วันออกใบอนุญาต และข้อ 27 ของระเบียบดังกล่าว กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตต้องไม่กระทำให้พื้นดินที่ได้รับอนุญาตหรือพื้นที่ซึ่งติดต่อเสียสภาพตามสมควร เช่น ขุดพื้นดินลึกจากพื้นดินทั่วไปเกินกว่าห้าเมตร ดังนั้น หากกรมที่ดิน และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการแก้ไขหรือทบทวนระเบียบมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ฯ การขออนุญาตตามมาตรา 9 พ.ศ.2543 แล้ว โครงการรถไฟฯ สามสนามบิน จะสามารถพัฒนาฟื้นที่ดังกล่าวได้ตามวัตถุประสงค์โดยไม่ติดขัดปัญหาและอุปสรรค

รายงานข่าวจาก สกพอ.กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน สกพอ.ได้ดำเนินการยื่นขอเพิกถอนลำรางสาธารณะดังกล่าวตามมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว โดยอยู่ระหว่างเสนอให้สภากรุงเทพมหานครให้ความเห็นชอบ ก่อนดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป สกพอ. ในฐานะหน่วยงานเลขานุการ กพอ. จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบ

 

 

 

สำหรับการเสนอขอให้ ครม.อนุมัติดำเนินการแก้ไขหรือทบทวนระเบียบมหาดไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนและโครงการนี้ ว่าสามารถแก้ไขปัญหาส่งมอบพื้นที่ได้อย่างแน่นอน โดยปัญหาลำรางสาธารณะบริเวณโรงงานมักกะสัน ขณะนี้จึงไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ของการส่งมอบพื้นที่พัฒนาโครงการแล้ว และทางเอกชนคู่สัญญาปัจจุบันได้รับทราบในเรื่องนี้ และพร้อมที่จะเริ่มงานก่อสร้างในส่วนอื่นก่อน

 

 

 

อย่างไรก็ตามการเพิกถอนลำรางสาธารณะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาดำเนินการในขั้นตอนกฎหมาย แต่เมื่อเรื่องได้ผ่านการอนุมัติจาก ครม.ก็เป็นการยืนยันได้ว่าปัญหานี้ได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน หนึ่งในปัญหาที่เอกชนกังวลเรื่องการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีมักกะสันก็ได้รับการแก้ไขแน่นอน ดังนั้นหากมีการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฉบับใหม่ เอกชนก็ตอบรับว่าจะสามารถเริ่มงานก่อสร้างได้ทันที