วาระลับครม. รื้อกฎหมายปรับกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเป็น 1.7 แสนล้าน

27 ก.ย. 2565 | 10:40 น.

ครม.ผ่านวาระลับ รื้อกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ แยกรายละเอียดชัด ๆ ทั้งกรอบวงเงินกองทุน และกรอบวงเงินกู้ ปรับกรอบใหม่เป็น 1.7 แสนล้านบาท รับการกู้เงินเสริมสภาพคล่องกองทุน 1.5 แสนล้านบาท เช็ครายละเอียดข้อกฎหมายพร้อมสาระสำคัญหลังการเปลี่ยนแปลง

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการพิจารณาวาระลับ เป็นเอกสารแจกและเก็บในที่ประชุม โดยได้เห็นชอบกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับการบริหารงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวม 2 ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอ 

 

สำหรับกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ประกอบด้วย

  1. ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกองทุนและกรอบวงเงินกู้ เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ พ.ศ. ....
  2. ร่างพระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ....

สาระสำคัญของกฎหมาย ฉบับแรก คือ ร่าง พ.ร.ฎ. ได้กำหนดให้ยกเลิก พ.ร.ฎ.ฉบับเดิม คือ พ.ร.ฎ.เปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ที่มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้ วงเงินไม่เกิน 150,000 ล้านบาท ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากครม. แล้ว และเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา  

 

ต่อมาคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตรวจร่างกฎหมาย และได้แก้ไขชื่อของกฎหมายใหม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น โดยให้เพิ่มกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมเข้ามา โดยมีรายละเอีดดังนี้

  • ส่วนแรก ได้เปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกองทุนฯ จากเดิมกำหนดไว้ในมาตรา 26 วรรคหนึ่ง ภายใต้ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดวงเงินกองทุนไม่เกิน 40,000 ล้านบาท ปรับเป็นจำนวนไม่เกิน 170,000 ล้านบาท
  • ส่วนที่สอง ได้แก้ไขรายละเอียดของมาตรา 26 วรรคสอง ภายใต้ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ในการกำหนดกรอบวงเงินกู้ จากเดิม 20,000 ล้านบาท ปรับเป็นจำนวนไม่เกิน 150,000 ล้านบาท

พร้อมทั้งเพิ่มบทบัญญัติกำหนดให้การเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกองทุนฯ และกรอบวงเงินกู้ตามร่าง พ.ร.ฎ.นี้ มีผลใช้บังคับ 1 ปี และเมื่อครบกำหนดก็ให้ยกเลิก โดยให้กรอบวงเงินกองทุนฯ และกรอบวงเงินกู้เป็นไปตามที่กำหนดในมาตรา 26

 

เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินครั้งนี้ เป็นไปตามความจำเป็นเฉพาะกรณีการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงในครั้งนี้ ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวตามความจำเป็นของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ 

 

อย่างไรก็ดีเพื่อไม่ให้กระทบกับวงเงินกองทุนในการบริหารกิจการตามปกติ ยังกำหนดไม่ให้นำวงเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกันตาม ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... มานับรวมกับกรอบวงเงินกองทุนและกรอบวงเงินกู้ตามมาตรา 26 ที่ใช้บังคับภายหลังที่ร่าง พ.ร.ฎ.นี้ ถูกยกเลิก

 

ส่วนอีกฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ก.ผ่อนผันฯ นั้น ได้ปรับแก้รายละเอียดใหม่ จากร่างกฎหมายเดิมที่ระบุสาระสำคัญว่า ให้อำนาจกระทรวงการคลัง ค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่เกินวงเงิน 150,000 ล้านบาท และต้องไม่เกินกรอบหนี้สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ

 

โดยให้ลงนามในสัญญาค้ำประกันภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่พ.ร.ก.นี้ใช้บังคับ ทั้งนี้ในการชำระหนี้ที่มีการกู้ยืม ให้ สำนักงานฯ เป็นผู้ชำระหนี้ โดยจะนำเงินงบประมาณมาใช้ในการชำระหนี้กู้ยืมดังกล่าวไม่ได้ และให้ถือว่าการค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานฯ โดยกระทรวงการคลัง ค้ำประกันการชำระหนี้ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ

 

ทั้งนี้ตามร่าง พ.ร.ก.ผ่อนผันฯ ฉบับใหม่ที่เสนอเข้ามาได้ปรับเปลี่ยนสาระสำคัญ เป็นการให้อำนาจกระทรวงการคลังโดยอนุมัติของครม. ค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานฯ ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ในกรณีที่มีวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง 

 

โดยให้ลงนามในสัญญาค้ำประกันภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ และต้องมีวงเงินรวมไม่เกิน 150,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้กำหนดให้สำนักงานกองทุนฯ มีหน้าที่ชำระคืน จนครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ กระทรวงการคลังกำหนดโดยความเห็นชอบของครม.