โรงพยาบาลเปาโล ตั้งรับจุดเปลี่ยนดูแลสุขภาพ “ป้องกัน” มากกว่า “รักษา”

23 พ.ค. 2565 | 10:19 น.

โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ครบรอบ 50 ปี ประกาศเดินหน้าสู่องค์กร Medical Service Innovationsภายใต้แนวคิด “The Expert Healthcare for A Better and Beyond” เตรียมพร้อมรับจุดเปลี่ยนการดูแลสุขภาพในอนาคตเน้น “ป้องกัน” มากกว่า “รักษา”

โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ฉลองครบรอบ 50ปี ประกาศเดินหน้า ตอกย้ำศักยภาพการบริการแบบครบวงจร พร้อมดึงทีมอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนนำนวัตกรรมการแพทย์เฉพาะทางระดับโลก เข้ามาสนับสนุนทุกมิติการรักษาแบบองค์รวม มุ่งมั่นสู่องค์กร Medical Service Innovations ชั้นนำของประเทศไทย

โรงพยาบาลเปาโล ตั้งรับจุดเปลี่ยนดูแลสุขภาพ “ป้องกัน” มากกว่า “รักษา”

ภายใต้แนวคิด “50th Paolo Phaholyothin : The Expert Healthcare for A Better and Beyond” ยกระดับการดูแลสุขภาพ ด้วยความเชี่ยวชาญในอีกขั้น เตรียมพร้อมรับเทรนด์ดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่ และกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ (Medical Tourism) ที่เน้น “ป้องกัน” มากกว่า “รักษา” 

 

ผศ.นพ.วีรยะ เภาเจริญ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน กล่าวว่า ด้วยเวลากว่า 5 ทศวรรษที่โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน เปิดให้บริการทางการแพทย์เพื่อดูแลสุขภาพคนไทย และชาวต่างชาติ อย่างครบวงจร เป็นศูนย์กลางให้คำปรึกษา ดูแลรักษา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิต และพัฒนาสุขภาวะคนไทยแบบองค์รวมครอบคลุมทุกมิติ กับนิยาม“รักษาอย่างเข้าถึง ดูแลอย่างเข้าใจ” จนประสบความสำเร็จ และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการทุกระดับ ทั้งในประเทศและนานาชาติ

โรงพยาบาลเปาโล ตั้งรับจุดเปลี่ยนดูแลสุขภาพ “ป้องกัน” มากกว่า “รักษา”

เปาโล พหลโยธิน พร้อมนำประสบการณ์ด้านบริการทางการแพทย์ ที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลา 50 ปี ผนวกต่อยอดด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเฮลท์แคร์มาตรฐานสากล ที่มีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพการวินิจฉัยโรคต่างๆ ช่วยให้รักษาเป็นไปได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด พร้อมมอบมาตรฐานการบริการด้วยใจ อบอุ่น เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อนำองค์กรก้าวสู่ Medical Service Innovations ชั้นนำของประเทศไทยในอนาคต ภายใต้แนวคิด “The Expert Healthcare for A Better and Beyond” ยกระดับการดูแลสุขภาพ ด้วยความเชี่ยวชาญในอีกขั้น  ตลอดจนสร้างแบรนด์ เปาโล พหลโยธิน ให้เป็น Healthy Lifestyle Destinations สำหรับคนรักสุขภาพยุคใหม่ และคนวัยทำงาน

 

ปรากฏการณ์ทางการแพทย์ครั้งสำคัญนี้ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ได้ต่อยอดชูความเชี่ยวชาญเฉพาะทางสู่ความเป็น The Expert Healthcare พร้อมตอกย้ำประสบการณ์ทางการแพทย์ จาก 3 ศูนย์ไฮไลท์ ประกอบด้วย สถาบันกระดูกและข้อ Paolo Orthopedic Institute ซึ่งโดดเด่น เชี่ยวชาญการรักษาโรคกระดูกสันหลัง โดยศัลยแพทย์เฉพาะทางการผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังด้วยกล้อง Endoscope ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่กี่ท่านของประเทศไทย กว่า 14 ปีแห่งประสบการณ์ผ่าตัดผ่านกล้อง ให้กับชาวไทยและต่างชาติ มากกว่า 1,000 ราย นอกจากช่วยรักษาอาการปวดหลังอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหากรณีเคยเข้ารับการผ่าตัด แต่ยังประสบปัญหาเดิมๆ ได้อย่างตรงจุด นับเป็นเทคนิคการรักษาที่ตอบโจทย์กับวิถีชีวิตในยุคปัจจุบัน

 

สำหรับ ศูนย์ทันตกรรมและรากเทียมดิจิตอล Paolo Digital Dental Center ได้มีการนำเทคโนโลยีระบบดิจิตอล เข้ามาช่วยในงานทันตกรรม สร้างประสบการณ์เพื่อการรักษาที่แม่นยำ รวดเร็วแก่ผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความสนใจเข้ารับบริการด้านทันตกรรมความงาม จึงเสริมทัพความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมเพิ่มขึ้น ด้วยบริการศัลยกรรมปรับแต่งโครงหน้า โดยมี ผศ.ดร.นพ.ทพ.ชาญชาย วงศ์ชื่นสุนทร ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมปรับแต่งโครงหน้า ระดับแนวหน้าของประเทศไทย มากด้วยประสบการณ์ผ่าตัดปรับแต่งโครงหน้าให้กับชาวไทย และต่างชาติ มากว่า 1,500 ราย มุ่งเน้นออกแบบรอยยิ้มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกเหนือจากการแก้ไขสัดส่วนโครงหน้า ทำให้ชาวต่างชาตินิยมเดินทางเข้ามารับการผ่าตัดสร้างรายได้เข้าประเทศ รวมไปถึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการเดินทางของคนไทย ที่ไม่ต้องบินไปผ่าตัดไกลถึงต่างประเทศ

 

รวมถึง ศูนย์ศัลยกรรมผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูง Advanced Laparoscopic Surgery Center ซึ่งเป็นหนึ่งความเชี่ยวชาญเพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วย โดยนำเทคโนโลยีขั้นสูงของการผ่าตัด เข้ามารักษาโรคที่ยาก และมีความซับซ้อน อาทิ มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ ไส้ติ่งอักเสบ ด้วยกล้อง Laparoscopic เข้ามาช่วยผ่าตัดรักษา ให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รวมไปถึงลดการเสียเลือด หรือภาวะแทรกซ้อนในการผ่าตัด ซึ่งปี 2565 นี้ ยังได้นำการผ่าผัดผ่านกล้องเข้ามาใช้รักษาโรคอ้วน ที่นับเป็นปัจจัยหลักนำไปสู่โรคเรื้อรังอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวของผู้ป่วยตามมา ซึ่งได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.สุเทพ อุดมแสวงทรัพย์ อดีตนายกสมาคมศัลยศาสตร์ด้วยกล้องแห่งเอเชีย Endoscopic and Laparoscopic Surgeons of Asia ELSA เข้ามาเป็นที่ปรึกษา เพื่อยกระดับการผ่าตัดผ่านกล้อง สร้างมาตรฐานการรักษาเทียบเท่าระดับสากล

 

โดย ผศ.นพ.วีรยะ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 บังคับให้วิถีชีวิตคนยุคใหม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการป้องกัน และเน้นการดูแลสุขภาพในระยะยาวมากกว่าการเข้ามาพบแพทย์เพื่อรักษาโรคที่โรงพยาบาล แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มความวิตกกังวล กลัวโรคระบาด และไม่อยากเจ็บป่วย ส่งผลให้คนหันมาสนใจค้นหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับนวัตกรรมการแพทย์สมัยใหม่ ที่เข้ามามีบทบาทในการตรวจเช็คปัจจัยเสี่ยง ช่วยวินิจฉัย และรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ ตรงจุด ไม่เสียเวลาในการพักฟื้น รวมไปถึงความต้องการเป็น Customer Centric มากขึ้นอีกด้วย  

 

เพื่อตอบโจทย์เทรนด์คนรักสุขภาพยุคใหม่ ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ได้วางแผนด้านก่อสร้าง รีโนเวทศูนย์เฉพาะทาง การนำเข้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมการแพทย์แห่งอนาคต การคัดสรรทีมอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน  ตลอดจนร่วมพัฒนาระบบ TeleCare ปรึกษาปัญหาสุขภาพออนไลน์ ตลอด 24 ชม. ระบบ HealthUp Application ตลอดจน Medicine Delivery บริการจัดส่งยาถึงบ้าน ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยาตามที่แพทย์สั่งในเวลารวดเร็ว รวมไปถึงยกระดับมาตรฐานการบริการ การออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล โดยการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมสุขภาพดีอย่างยั่งยืน พร้อมชวนทุกคนเข้าถึงโปรโมชั่นตรวจสุขภาพหลากหลายทางออนไลน์ ในโอกาสพิเศษ ตลอดเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ ที่ www.paolohospital.com/th-TH/phahol หรือ โทร.1772 

 

ทั้งนี้ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน เป็นโรงพยาบาลเอกชนซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2515 ผ่านประสบการณ์บริหารการแพทย์มาอย่างยาวนานในลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่ยังคงมุ่งมั่นคุณภาพการรักษาที่ได้มาตรฐาน และการบริการที่ไม่หยุดนิ่ง และพร้อมพัฒนาองค์กรในทุกๆ วัน โดยปี 2565 เป็นต้นไป เปาโล พหลโยธิน มีความพร้อมดูแลรักษาอย่างครอบคลุมทุกมิติ กว่า 24 ศูนย์ ตลอดจนบุคลากรในครอบครัว ทีมแพทย์ พยาบาล ผู้เชี่ยวชาญสหสาขาต่างๆ ไปจนถึงพนักงาน ที่ร่วมสร้างบริการ Value-based care ทุกระดับ นอกจากนี้ ยังมีระบบเครือข่าย Networking บริหารจัดการด้านการแพทย์ร่วมกันกับโรงพยาบาลในเครือ โรงพยาบาลพญาไท 1 และ โรงพยาบาลพญาไท 2 ด้านการรักษาโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง(Stroke) การรักษาโรคมะเร็ง เป็นต้น