บริษัทแม่สั่งลุย “ไฮเออร์” ปรับทัพบุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเอนด์

17 ธ.ค. 2564 | 04:52 น.

“ไฮเออร์” ปลื้ม กวาดยอดขายเฉียด 8 พันล้าน โต 29% บริษัทแม่สั่งลุย ขนทัพสินค้าไฮเอนด์ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าหมายกวาดรายได้ 1.2 หมื่นล้านในปี 66

เพราะอยู่ในตลาดเมืองไทยมาเกือบ 20 ปี ทำให้เชื่อมั่นว่าเข้าถึงพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยอย่างแท้จริง วันนี้ “ไฮเออร์” สร้างความเชื่อมั่นลบภาพสินค้าจีน สู่นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประกาศเดินหน้าขยับตัวก้าวสู่ตลาดไฮเอนด์ ตอบรับ Smart Life พร้อมขยายฐานสู่คนรุ่นใหม่ นักศึกษา เจนเนอเรชั่นใหม่ พร้อมปูพรมขยายการขายผ่านออนไลน์และออฟไลน์แบบครบวงจร

 

นายจาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2564 ยังคงมีการเติบโตเล็กน้อย 0.3% เนื่องจากเศรษฐกิจ (จีดีพี) มีการขยายตัวต่ำ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์จีดีพีปี 2564 อยู่ที่ 0.7% เท่านั้น จากผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ที่ระบาดต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีแล้ว

จาง เจิ้งฮุ้ย

ขณะที่ผลประกอบการของแบรนด์ไฮเออร์เองมีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยคาดว่ายอดขายปี 2564 จะสามารถทำยอดขายได้ 7,921 ล้านบาท เติบโต 29% เมื่อเทียบกับปี 2563 ส่วนแบรนด์แคนดี้ ซึ่งเปิดตัวทำตลาดเพียง 1 ปี สร้างยอดขายได้กว่า 250 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นโมเมนตัมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขาย แบ่งออกเป็น

 

  • เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ เป็นผลิตภัณฑ์เรือธง มียอดขายรวม 3,117 ล้านบาท เติบโต 9% ขณะที่ตลาดรวมเครื่องปรับอากาศขยายตัวเพียง 0.3%  โดยเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ มีส่วนแบ่งการตลาด 12.7%  เป็นอันดับ 1 ในตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงปริมาณและส่วนแบ่งตลาด 15% ในแพลตฟอร์ม e-commerce โดยมียอดขายเติบโต 9%

 

  • ตู้เย็นไฮเออร์ มียอดขายรวม 1,673 ล้านบาท เติบโต 27% มีส่วนแบ่งทางการตลาด 12.1% จากเดิม 7.6% เติบโตแบบก้าวกระโดดทำให้ไฮเออร์ขยับเป็นอันดับ 4 ของตลาดในประเทศไทย ซึ่งตู้เย็นไฮเออร์ในหมวดไฮเอนด์ มีการเติบโตถึง 285% และตู้เย็นไฮเออร์ รุ่นมัลติดอร์ มียอดขายเป็นดับ 1 ในตลาดและอันดับ 1 ในแพลตฟอร์ม e-commerce

 

  • เครื่องซักผ้าไฮเออร์ มียอดขายรวม 1,166 ล้านบาท เติบโต 39% มากกว่าตลาดรวมที่โตเพียง 5% ซึ่งทำให้เครื่องซักผ้าไฮเออร์มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในลำดับที่ 4 ของตลาดเครื่องซักผ้าในประเทศไทย

ไฮเออร์

  • ตู้แช่ไฮเออร์ มียอดขายรวม 792 ล้านบาท เติบโต 32%  มีส่วนแบ่งตลาด 38%

 

  • ทีวีไฮเออร์ มียอดขายรวม 410 ล้านบาท เติบโต 111% โดยมีทีวีไฮเออร์ รุ่นขนาด 65 นิ้วสร้างยอดขายโตถึง 231%

 

  • เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ไฮเออร์ มียอดขายรวมกว่า 300 ล้านบาท เติบโต 76%

 

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กไฮเออร์ มียอดขายรวม 178 ล้านบาท เติบโต 89% โดยมีการเพิ่มไลน์สินค้าในหมวดหมู่นี้มากขึ้น อาทิ เตา induction หม้อหุงข้าว เครื่องปั่น และเตาอบ รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น

 

  • เครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์ มียอดขายรวม 170 ล้านบาท เติบโต 45% ซึ่งตลาดภาพรวมในประเทศไทยเติบโตเพียง 14% โดยเครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์เน้นที่ตลาดไฮเอนด์มากขึ้น เพิ่มช่องทางการขยายและทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง

 

  • เครื่องครัวไฮเออร์ มียอดขายเติบโต 489%

 

ในขณะที่ช่องทาง e-commerce ไฮเออร์ยังทำผลงานโดดเด่น สร้างยอดขายมากกว่า 643 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 132% โดยหมวดพระเอกยังเป็นเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ และตู้เย็นไฮเออร์ ซึ่งเป็นผู้นำตลาด e-commerce ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15% และ 27% ตามลำดับ

 

สำหรับแนวทางธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2565 ไฮเออร์ยังทำการตลาดเชิงรุกทั้งการเปิดตัวสินค้าใหม่ทุกหมวดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งแก่พอร์ตโฟลิโอและตอบสนองความต้องการผู้บริโภค และทำการตลาดเชิงรุก โดยเฉพาะการบุกตลาดพรีเมียมและลักชัวรีมากขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ไฮเออร์

“บริษัทแม่ได้มอบนโยบายและวางกลยุทธ์ให้ไฮเออร์ (ประเทศไทย) มีการขยายตลาดไปทางพรีเมียมมากขึ้น มุ่งผลักดันสินค้าหรือบริการที่เชื่อมอีโคซิสเทมของไฮเออร์เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงสินค้าที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (IoT) ได้โดยง่าย ที่ผ่านมาเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเอนด์ เช่น ตู้เย็นไฮเออร์เติบโตดีมากถึง 285% จึงมองโอกาสในการบุกตลาด

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ทำให้บริษัทต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และมีความยืดหยุ่น (Resilience) เพิ่มความคล่องตัว (Agile) มากขึ้น เพื่อให้สามารถปรับตัว พลิกแพลงกลยุทธ์การทำตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ส่วนช่องทางการจำหน่ายต้องบุกหนักออนไลน์หรือ e-commerce มากขึ้น”

 

“โดยในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขาย 10,564 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ล้านบาทในปี 2566 และก้าวเป็นผู้นำตลาดแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย”

 

ด้านนายธเนศร์  บินอาซัน  รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนการทำตลาดแบรนด์ไฮเออร์ ยังมุ่งนำเสนอสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด และจะเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่ม Smart Home และสินค้ารุ่นไฮเอนด์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ตอบโจทย์ Smart Life และ Self-Care ทำให้ผู้บริโภคสะดวกสบายมากขึ้น เช่น อีโคซิสเทมของ Smart Home รองรับฟังก์ชั่นการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Alexa เป็นต้น 

ไฮเออร์

โดยในปี 2565 คาดว่าจะมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด 50-60 รายการ ไม่ว่าจะเป็น

 

  • เครื่องปรับอากาศไฮเออร์จะมีเทคโนโลยีใหม่อย่าง UVC Sterilization แสงอัลตราไวโอเลตลึกชนิดหนึ่ง ที่มีความเข้มข้นสูง สามารถทำลายสารพันธุกรรม (DNA หรือ RNA) ของไวรัสและแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ รังสี UVC ซึ่งผ่านการทดสอบจากสถาบัน Texcel ว่าช่วยยับยั้งเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 99.99%

 

  • ตู้เย็นไฮเออร์ เพิ่มสินค้าใหม่กว่า 25 รายการ ทั้งในรุ่นมัลติดอร์ 2 series และรุ่น 2 ประตู 1 serie เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในไทยที่มีความสนใจในตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะสมกับการอยู่อาศัยทั้งในพื้นที่กว้างและพื้นที่จำกัด

 

  • เครื่องซักผ้าไฮเออร์ เพิ่มสินค้ารุ่นฝาหน้า 4 series และสินค้ารุ่นฝาบน 3 series ขนาดความจุที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของคนไทยทุกรูปแบบ และยังคงชูในเรื่องของ Self-Cleaning และชูเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้แก่ i-refresh, Hygienic program, ABT & Dual Spray เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น

ไฮเออร์

  • ทีวีไฮเออร์ จะเปิดตัวรุ่น HQLED 4K TV มีคุณสมบัติจอแสดงภาพได้เสมือนจริงด้วย Dolby vision โดยสินค้าใหม่รวมกว่า 17 รุ่น

 

  • ตู้แช่ไวน์ไฮเออร์ เพิ่มไลน์สินค้าขนาดเล็ก เจาะตลาดไฮเอนด์ เพื่อตอบสนองลูกค้าที่อยู่บ้านหรือคอนโดมิเนียม

 

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กไฮเออร์ จะมีสินค้าใหม่ 34 รายการ เพิ่มไลน์เครื่องชงกาแฟ และ เครื่องดูดควัน

 

  • เครื่องครัวไฮเออร์ จะเพิ่มสินค้ารุ่น Black Series ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ครัวแต่ไม่อยากให้ครัวดูเลอะสกปรก พร้อมดีไซน์ทันสมัยและสวยงาม

 

  • เครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์ มุ่งนำเสนอสินค้าดีไซน์ทันสมัยพร้อมระบบสัมผัสให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะมาในคอนเซ็ปต์ Safety and Healthy 365 Days

 

“ในปี 2565 บริษัทเตรียมทุ่มงบ 850 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดครบวงจรให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านคอนเซ็ปต์ Haier Inspired Living การใช้ชีวิตของคุณคือแรงบันดาลใจของเรา โดยวางเป้าหมายให้เป็นปีแห่งการพลิกโฉมแบรนด์ให้เป็นระดับพรีเมียมและลักชัวรีมากขึ้น ทั้งหมดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวงกว้าง จากเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ (Generation-X) เจนเนอเรชั่นวาย (Generation-Y) ขยายไปสู่คนรุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่นซี (Generation-Z)”

 

ขณะที่นายวรลักษณ์ นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอยู่ดี บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อีกกลยุทธ์สำคัญในปี 2565 ไฮเออร์ได้สร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ “อยู่ดี (Yudee)” ต่อยอดโครงการ Smart Sharing AC หลังนำร่องกับเครื่องปรับอากาศ สร้างยอดขายได้ถึง 100 ล้านบาท ด้วยยอดติดตั้งมากถึง 10,000 เครื่อง และมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นมากกว่า 17,000 ราย

 

โดยโมเดลธุรกิจ “อยู่ดี”  ลูกค้าจะสามารถซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน 0% ทั้งหมวดเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ตู้แช่ และทีวี เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ แต่ยังมีความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ซื้อสินค้าในราคาที่จับต้องได้ มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ IoT Smart Control แบบไม่ต้องพึ่งพา WiFi ซึ่งการใช้งาน การชำระเงินดำเนินการผ่านแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Yudee ได้เลย

 

ทั้งนี้คาดการณ์ว่าภายใน 3 ปี (ปี 2565 - 2567) ผลักดันให้มีผู้ใช้แอปพลิเคชั่นสูง 200,000 ราย สร้างรายได้แตะ 1,200 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายการขยายดีลเลอร์ร้าน Yudee 80 ร้านค้าทั่วประเทศ และขยายเครือข่ายร้าน Yudee ขนาดเล็กอีกกว่า 200 ร้านค้าทั่วประเทศ

ไฮเออร์

นายปิยะศักดิ์ ศรีบัว ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กล่าวว่า นอกจากให้ความสำคัญด้านการพัฒนาสินค้า และการวางแผนการตลาดแล้ว ไฮเออร์เองยังให้ความสำคัญด้านการวางแผนช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและการเลือกสินค้าที่เหมาะสมกับช่องทางนั้น ๆ อีกด้วย และยังคงเดินหน้าการสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่ายในด้านต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็น การปรับปรุงหน้าร้าน การสนับสนุนพนักงานขายและการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายหน้าร้าน พร้อมเดินหน้าในการพัฒนาการบริการหลังการขายอีกด้วย

 

สำหรับ แบรนด์ “แคนดี้” (Candy) เครื่องใช้ไฟฟ้าจากอิตาลี ในกลุ่มบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2565 นี้ แบรนด์แคนดี้จะมีการออกสินค้าโมเดลใหม่ ๆ เข้าทำตลาดมากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ นักศึกษา วัยทำงาน เจนวายและเจนซี

 

 

โดยมีสินค้าไฮไลท์ ได้แก่ เครื่องทำน้ำอุ่นแคนดี้ เครื่องครัวแคนดี้ และตู้แช่แคนดี้ ซึ่งในปี 2565 เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์แคนดี้ทุกรายการ ยังคงเน้นเรื่องนวัตกรรมแบบใช้งานง่าย สีสันสวยงาม ดีไซน์สินค้าน่ารัก และราคาที่เข้าถึงง่าย พร้อมการรับประกันที่ยาวนานสูงสุดถึง 12 ปี เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

 

พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ เช่น ช่องทาง Modern Trade เป็นต้น ส่วนการทำตลาด ยังคงรุกหนักทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ เพื่อสื่อสารและเข้าถึงแฟน ๆ ฐานลูกค้าของแบรนด์มากขึ้น โดยทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรม แฟน ๆ ของผลิตภัณฑ์แคนดี้จะให้การตอบรับอย่างดี และสร้างยอดขายได้อย่างน่าพอใจ